Monday 9 August 2010

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนแห่งอาถรรพ์

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนแห่งอาถรรพ์



สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย

ในดวงดาวที่เป็นอณูเล็ก ๆ ของจักรวาลที่มีชื่อว่า โลก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีคำอธิบาย หลายสิ่งทำให้คนเชื่อ หากหลายสิ่งก็ยังคงกลายเป็นปริศนาที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่สุดก็ยังคงหาคำ ตอบไม่ได้

"สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา" ก็เป็นปริศนาหนึ่งของโลกใบนี้ ที่เป็นที่กล่าวขวัญกันถึงความน่าสะพรึงกลัวตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันก็ยังคงเป็นปริศนาอันดับต้น ๆ ที่ยังคงกล่าวถึงกันอยู่ และนี่คือเหตุผลที่กระปุกดอทคอมหยิบยกเรื่องราวลี้ลับเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า ให้ฟังกันอีกครั้ง

"สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา" (Bermuda Triangle) เป็น บริเวณสมมติในมหาสมุทรแอตแลนติก มีเนื้อที่ประมาณ 1.2 ล้านตารางกิโลเมตร อยู่ระหว่างจุด 3 จุดที่ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ได้แก่ เปอร์โตริโก ปลายสุดของมลรัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา เป็นดินแดนที่เป็นที่รู้จักกันอย่างมาก เพราะเป็นดินแดนอาถรรพ์ที่กลืนกินชีวิตมนุษย์ เรือเดินสมุทร และเครื่องบินมาแล้วมากมาย ซ้ำทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนที่ผ่านบริเวณนี้ยังหายสาปสูญไปโดยไม่เหลือ ร่องรอยใด ๆ ให้เห็นแม้แต่น้อย จนได้ชื่อว่าเป็นสามเหลี่ยมปีศาจ

การหายสาปสูญไปของเรือเดินสมุทร และเครื่องบินที่เคลื่อนที่ผ่านสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่อดีต ซึ่งประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่าเรือเดินสมุทรและเครื่องบินหลายลำจะมีอุปกรณ์ขอความช่วยเหลืออย่าง สมบูรณ์แบบแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเคลื่อนที่ผ่านบริเวณนี้แล้ว การสื่อสารทุกอย่างก็ถูกตัดและทำให้ผู้คนที่อยู่บนฝั่งไม่สามารถรับรู้ว่า เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นกับเรือและเครื่องบินเหล่านั้น นอกเสียจากรายงานสุดท้ายที่บอกว่า เข็มทิศเรือหมุนอย่างบ้าคลั่ง และผู้ที่ประสบเหตุก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย

แต่ อย่างไรก็ดี นักสำรวจและผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้หลายคนต่างสรุปสถานการณ์ก่อนทุกอย่างจะ ถูกกลืนหายไปว่า ทุกอย่างที่เคลื่อนที่เข้าใกล้สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า จะต้องเผชิญกับพลังงานลึกลับที่พยายามดูดกลืนทุกอย่างให้หายไปอย่างที่ไม่ อาจจะหลีกเลี่ยงได้ และพลังงานดังกล่าวนี้ยังทำให้ผู้ประสบเหตุเกิดความสับสนต่อเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น เกิดความงุนงงเกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 และสุดท้ายจะสูญเสียความรู้สึกเรื่องการทรงตัวและเวลาอีกด้วย

แต่มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่น พลังงานดังกล่าวเกิดจากอะไร และมันเกิดขึ้นเพราะอะไร คำถามนี้ยังคงเป็นคำถามที่หาคำตอบที่แน่นอนไม่ได้ นอกจากทฤษฎีของเหล่านักวิทยาศาสตร์ นักสมุทรวิทยา และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ที่ทำได้เพียงแค่ตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ดัง กล่าว ดังนี้

ทฤษฎีที่ 1 เป็นไปได้ว่าบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ตั้งอยู่ในจุดสมดุลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า กับพลังของสนามแรงโน้มถ่วง ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างที่เชื่อมต่อกับอีกมิติหนึ่งในห้วงเวลาอวกาศ ดังนั้น เมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่เข้าไปในบริเวณดังกล่าว ก็จะหลุดเข้าไปในอีกมิติหนึ่งพอดี และนั่นทำให้วัตถุทุกอย่างหายสาปสูญไปทันที และเมื่อมิติถูกเปลี่ยนแล้ว ก็จะไม่สามารถสื่อสารกับคนอีกมิติหนึ่งได้ และกลับเข้ามาสู่มิติเดิมได้อีก เบอร์มิวด้าจึงเป็นเหมือนประตูที่จะเปิดเข้าสู่อีกมิติหนึ่งของโลก

ทฤษฎีที่ 2 เป็นไปได้ว่าบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เป็นบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญากว่ามนุษย์มาสร้างเอาไว้ เมื่อสิ่งมีชีวิตเริ่มมาจากทะเลก่อน ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการไปเร็วกว่ามนุษย์อาศัยอยู่ ใต้น้ำก็ได้ แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะไม่มีการติดต่อสื่อสารใด ๆ กับมนุษย์บนผืนดิน เพราะหลายครั้งที่มีผู้พบเห็นแสงไฟใต้น้ำ และวัตถุแปลกประหลาดใต้น้ำบ้าง หรือแม้แต่มีผู้พบเห็นจานบินโผล่ขึ้นมาจากบริเวณดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเหตุผลที่บริเวณดังกล่าวดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไป ก็ยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เข้าใจและหาคำอธิบายไม่ได้

ทฤษฎีที่ 3 เป็นไปได้ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นบริเวณที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มข้นสูงที่ สุด จึงทำให้วัตถุถูกดูดกลืนหายไปอย่างรวดเร็ว

ทฤษฎีที่ 4 เป็นไปได้ว่า บริเวณดังกล่าวเป็นประตูกาลเวลา หรือที่เราเรียกว่า ไทม์แมชชีน นั่นเอง ซึ่งผู้ประสบเหตุแม้ว่าจะยังคงอยู่ที่เดิม แต่ประตูกาลเวลาจะดูดกลืนให้ไปสู่สถานที่ใหม่ โดยไม่สามารถจะหาสถานที่เดิมได้พบ

ทฤษฎีที่ 5 เป็นไปได้ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นฐานทัพของชนชาติลึกลับที่ต้องการขโมยเรือ หรือเครื่องบิน และสิ่งมีชีวิตลงไปใต้มหาสมุทรเพื่อศึกษาหรือทดลองบางอย่าง ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้ก็สอดคล้องกับรายงานที่ว่า มีผู้พบเห็นจานบินลึกลับร่อนไปร่อนมาเหนือสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอยู่หลาย ครั้ง

อย่างไรก็ ดี นี่ก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ตั้งขึ้นเพื่อศึกษาความเป็นไป ได้เท่านั้น ส่วนความจริงของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าจะเป็นอย่างไร นี่คงเป็นปริศนาที่ยังไร้ซึ่งคำตอบต่อไป หลายครั้ง.. เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ส่งทีมงานไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าวแล้ว และทีมงานก็หายสาปสูญไปเช่นกัน จึงทำให้สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ายังคงเป็นปริศนาลี้ลับที่ไม่มีใครอธิบายสิ่ง ที่เกิดขึ้นได้ นอกจากผู้ประสบเหตุที่ต่างหายสาปสูญกันไปอย่างไม่มีวันกลับมาได้อีกแล้ว


From www.kapook.com

No comments:

Post a Comment

เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นต่างๆได้นะครับ