Wednesday 30 June 2010

twitter วิธีเล่น twitter ทวิตเตอร์ คือ อะไร โหลด twitter client มาเล่น twitter กันเถอะ

twitter วิธีเล่น twitter ทวิตเตอร์ คือ อะไร โหลด twitter client มาเล่น twitter กันเถอะ

facebook ดารา เฟสบุ๊คดารา มากมาย

facebook ดารา เฟสบุ๊คดารา มากมาย

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการ (Basic Forces in Human Development)


ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการ
(Basic  Forces  in  Human  Development)

คำจำกัดความ  
                ความหมายของจิตวิทยา  พัฒนาการ  และจิตวิทยาพัฒนาการ  (Lefrancois, 1996, p. 8)
                Psychology  (จิตวิทยาคือศาสตร์สาขาที่ศึกษาเกี่ยวกับความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์
                Developmental (พัฒนาการ) หมายถึง การเจริญเติบโต (Growth) คือการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย  การมีวุฒิภาวะ (Maturation)  คือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้บุคคลมีความสามารถพอที่จะกระทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเหมาะสมในแต่ละวัย และการเรียนรู้ (Learning) คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์
                Developmental psychology (จิตวิทยาพัฒนาการ) คือสาขาหนึ่งของจิตวิทยาที่ศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลง กระบวนการเปลี่ยนแปลง และอิทธิพลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในพัฒนาการของมนุษย์ 
ระยะพัฒนาการ 
                พัฒนาการของมนุษย์แบ่งตามช่วงอายุได้เป็น 8 ระยะ  ดังนี้ (สุชา จันทน์เอม, 2536, . 2-3)
                ระยะก่อนเกิด ( Prenatal  stage )  คือตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิจนถึงระยะคลอด
1.      วัยทารก   เริ่มตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ  2  ปี
2.      วัยเด็ก   เริ่มตั้งแต่อายุ  2 – 12  ปี
3.      วัยย่างเข้าสู่วัยรุ่น  ปกติหญิงเฉลี่ยมีอายุ  12  ปี  ชายเฉลี่ยมีอายุ  14  ปี
4.      วัยรุ่น  ตั้งแต่อายุ  14 – 21  ปี
5.      วัยผู้ใหญ่  ตั้งแต่อายุ  21 – 40  ปี
6.      วัยกลางคน  ตั้งแต่อายุ  40 – 60  ปี
7.      วัยสูงอายุ  ตั้งแต่อายุ  60  ปีขึ้นไป
ในทุกช่วงอายุมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย  ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของมนุษย์  การที่อวัยวะมีการเจริญเติบโต  มีการพัฒนาโครงสร้าง  และหน้าที่ต่าง ๆ ของอวัยวะเหล่านั้นแล้ว  ยังมีปัจจัยอื่นที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลทำให้มนุษย์มีความแตกต่างกันทั้งรูปร่าง  หน้าตา  ความรู้สึกนึกคิด  และพฤติกรรมที่แสดงออก  
 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการ (Basic  Forces  in  Human  Development)
บุคคลแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านการเจริญเติบโตของร่างกาย การมีวุฒิภาวะในแต่ละวัยและการเรียนรู้   ส่งผลให้บุคคลมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน  ซึ่งความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัย  4  ประการ  ดังนี้ (Kall  and  Cavanaugh,1996 ; สุชา จันทน์เอม, 2536 ; ศรีเรือน แก้วกังวาล, 2538)
1. ปัจจัยด้านชีวภาพ  (Biological Forces) ปัจจัยทางชีวภาพที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่ในระยะก่อนคลอดคือ   พันธุกรรมและปัจจัยที่สัมพันธ์กับสุขภาพ
       1.1  พันธุกรรม (Genetic)  คือการถ่ายทอดลักษณะต่างๆ  จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน  หรือในเชื้อสายเดียวกัน  เช่น  สีของนัยน์ตา   สีผม    ลักษณะรูปร่างหน้าตา  รวมถึงความผิดปกติหรือโรคต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม  เช่น  ตาบอดสี  โรคธาลัสซีเมีย  เป็นต้น
       1.2  ปัจจัยที่สัมพันธ์กับสุขภาพ (Health - Related  factors)  โดยเฉพาะสภาวะแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่มีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์มารดาเช่นพบความผิดปกติของสมองของทารกในครรภ์มารดาที่เรียกว่าคูรู (Kuru) ในประชากรของหมู่เกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้  การใช้ยาของมารดาขณะตั้งครรภ์ที่มีผลต่อทารก การติดเชื้อโรคของมารดาขณะตั้งครรภ์  เช่น  เชื้อไวรัสหัดเยอรมัน  เป็นต้น
ปัจจัยด้านชีวภาพทำให้ทารกในครรภ์มารดาหรือในวัยก่อนคลอดมีความผิดปกติได้เช่น  การมีโรคทางพันธุกรรม หรือมีความผิดปกติของการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อันเนื่องมาจากการใช้ยา  หรือจากการติดเชื้อโรคต่างๆ ของมารดา และสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม  ส่งผลให้พัฒนาการของทารกทางด้านร่างกายผิดปกติ และอาจส่งผลไปสู่ความผิดปกติของพัฒนาการด้านอื่น ๆ ต่อไป
2. ปัจจัยด้านจิตใจ  (Psychological Forces) ปัจจัยด้านจิตใจของบุคคลที่มีผลต่อกระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในช่วงอายุนั้นๆ มี  4  ปัจจัย  ดังนี้
     2.1   ปัจจัยการรับรู้ภายในตนเอง (Internal perceptual factors) เช่น การรับรู้เรื่องเพศของตนเองในระยะ   5 – 6  ปี  เด็กชายหรือเด็กหญิงเริ่มมีการรับรู้บทบาทของเพศที่แตกต่างกัน 
           2.2  ปัจจัยด้านความคิด (Cognitive factors) มีผลมาจากการเลี้ยงดูตั้งแต่ในวัยทารก  และวัยเด็ก การให้ความรักความอบอุ่น  การใช้เหตุผลในการอบรมเลี้ยงดู  การเล่นของเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดจะส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านความคิดและสติปัญญาของเด็กต่อไปในอนาคต
      2.3    ปัจจัยด้านอารมณ์  (Emotional factors) การได้รับความมั่นคงทางอารมณ์จากบิดามารดาตั้งแต่ในวัยทารกจะมีผลให้เด็กมีพัฒนาการทางอารมณ์เป็นไปอย่างเหมาะสม 
                 2.4   ปัจจัยด้านบุคลิกภาพ (Personality factors) การเป็นต้นแบบด้านบุคลิกภาพที่ดีของบิดามารดาจะทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสม          
                    ปัจจัยเหล่านี้มีผลให้บุคคลมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์หรือลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น การเป็นคนที่มีลักษณะสนุกสนานร่าเริงเนื่องจากมีการพัฒนาความนึกคิดและอารมณ์ที่เป็นไปในด้านบวกอยู่เสมอ การมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง   หรือการมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศซึ่งมีปัจจัยเนื่องมาจากภาวะจิตใจในวัยเด็ก เป็นต้น
3.  ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม  (Sociocultural Forces) ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม  ประกอบด้วย  4  ปัจจัย  ดังนี้
            3.1 ปัจจัยสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal factors) เริ่มตั้งแต่ภายในครอบครัวมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน  ปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก  ความเอื้ออาทร  ความห่วงใย  เด็กจะรู้สึกมั่นใจในการปรับตัวกับสังคมภายนอกและมีทัศนคติที่ดีต่อบุคคลทั่ว ๆ ไป
           3.2   ปัจจัยด้านสังคม (Societal factors) ตั้งแต่ในวัยเด็กการอบรมเลี้ยงดูส่งเสริมให้เด็กมีการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมในสังคม โดยเปิดโอกาสและกระตุ้นให้เด็กได้ซักถามเรื่องราวของสังคมภายนอกบ้านและอธิบายให้เข้าใจความแตกต่างของสังคมภายนอกบ้านของเด็กตามความสามารถการรับรู้ในแต่ละวัย ปลูกฝังค่านิยมที่ดีงามให้กับเด็ก เด็กจะเริ่มมีการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวได้ดีขึ้น
                   3.3   ปัจจัยด้านวัฒนธรรม  (Cultural factors) มีผลทำให้พัฒนาการของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป เช่นเด็กไทยส่วนใหญ่มีลักษณะไม่กล้าแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับผู้ใหญ่เนื่องจากถูก อบรมให้เชื่อฟังและปฏิบัติตามที่ผู้ใหญ่ได้แนะนำสั่งสอนแตกต่างจากวัฒนธรรมตะวันตกซึ่งส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงความคิดเห็น  มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับผู้ใหญ่ได้อย่างมีเหตุผล
                    3.4   ปัจจัยด้านมนุษย์วิทยา (Ethnic factors) ลักษณะที่แตกต่างกันของกลุ่มชนที่อยู่ร่วมกันมีอิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษย์ เช่น ความแตกต่างด้านลักษณะรูปร่าง การดำรงชีวิตของคนผิวดำในประเทศอเมริกา ทำให้มีคนอเมริกันบางกลุ่มรังเกียจคนผิวดำ ความแตกต่างในการนับถือศาสนาของประชาชนชาวอินเดียทำให้มีการแบ่งชนชั้นในสังคม หรือความแตกต่างในการดำรงชีวิตของบุคคลในครอบครัว เช่น ครอบครัวที่มีมารดาเป็นคนไทยแต่มีบิดาเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีจีน ย่อมส่งผลให้บุตรหลานต้องยึดถือและปฏิบัติตามประเพณีของจีนด้วยเช่นกัน
 4.  ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับวงจรชีวิต (Life-cycle forces)
                   ความหมายของวงจรชีวิต (Life-cycle forces) หมายถึงการที่บุคคลจะแปลความหมายของเหตุการณ์ใดๆ ว่ามีผลอย่างไรต่อตนเองนั้น  ขึ้นอยู่กับความคิดและประสบการณ์เดิมของบุคคล ประกอบกับเวลาที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์นั้น ๆ (Kall and Cavanaugh, 1996) คือในสถานการณ์เดียวกันบุคคลแต่ละคนอาจจะแปลความหมายของสถานการณ์นั้น ๆ ไม่เหมือนกันเนื่องจากความแตกต่างระหว่างบุคคล  เช่น  การตั้งครรภ์ของผู้หญิงที่มีอายุเหมาะสม  มีวุฒิภาวะและมีความพร้อมด้านสภาพครอบครัวโดยที่สามีและตนเองวางแผนที่จะมีบุตรภายหลังการแต่งงาน  กับการตั้งครรภ์ของหญิงวัยรุ่นที่อยู่ในวัยเรียนและมีความสัมพันธ์ไม่ยั่งยืนกับคู่นอน  จากสถานการณ์ข้างต้นมีการแปลความหมายของการตั้งครรภ์แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน หญิงวัยรุ่นอาจแปลความหมายของการตั้งครรภ์ว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นอาจมีความต้องการทำลายทารกในครรภ์ในขณะที่ผู้หญิงที่มีความต้องการบุตรก็จะแปลสถานการณ์ดังกล่าวว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยินดีทำให้ครอบครัวมีความสุข  เป็นต้น
สรุปได้ว่าปัจจัยวงจรชีวิตนี้ได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยทางด้านชีวภาพ  ปัจจัยทางด้านจิตใจ  และปัจจัยทางด้านสังคมและวัฒนธรรมนั่นคือความแตกต่างระหว่างบุคคลมีพื้นฐานมาตั้งแต่ระดับของพันธุกรรมสิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว  เมื่อมีสถานการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นบุคคลจึงให้ความหมายของสถานการณ์นั้น ๆ แตกต่างกันไปตามความคิดและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
ปัจจัยด้านชีวภาพ  ปัจจัยด้านจิตใจ  ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรมและปัจจัยวงจรชีวิต  ส่งผลต่อพัฒนาการของมนุษย์ บุคคลแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกันเริ่มตั้งแต่ในครรภ์มารดา การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของมารดาขณะตั้งครรภ์   และเมื่อมีการเจริญเติบโตขึ้นมีการพัฒนาทางด้านร่างกายขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาการทางด้านจิตใจ สติปัญญา สังคมและวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งแวดล้อมในครอบครัว  สัมพันธภาพของบุคคลในครอบครัว  และการประเมินตัดสินสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิต   สิ่งเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการศึกษาวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ  ผู้ศึกษาต้องเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ในแต่ละช่วงวัยต่อไป 
  
ที่มา อาจารย์อาภากร เปรี้ยวนิ่ม เอกสารประกอบการสอน วิชา จิตวิทยาพัฒนาการ     (Developmental  Psychology)

แนวคิดเกี่ยวกับจิตวิทยาพัฒนาการ (Concepts of Developmental Psychology)

จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัยของมนุษย์เป็นศาสตร์ที่มีความสลับซับซ้อน จากการที่ต้องศึกษาการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ในลักษณะองค์รวม ทั้งที่สามารถมองเห็นได้ง่าย ชัดเจน และมองเห็นได้ยาก ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ในเรื่องจิตวิทยาพัฒนาการถือเป็นเรื่องสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการศึกษา ช่วยให้ผู้ศึกษาเกิดความรู้ ความเข้าใจลักษณะธรรมชาติของมนุษย์ ลำดับขั้นพัฒนาการชีวิตในช่วงวัยต่าง ๆ ตั้งแต่ปฏิสนธิจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต และทราบถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย ส่งผลให้ผู้ศึกษาเกิดการยอมรับ เข้าใจตนเองและผู้อื่น เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถปรับตัวให้เข้ากับบุคคลในวัยต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถช่วยเหลือบุคคลวัยต่าง ๆ ในแนวทางที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
 ลักษณะทั่วไปของจิตวิทยาพัฒนาการ
จิตวิทยาพัฒนาการ (development psychology) เป็นจิตวิทยาแขนงหนึ่งที่มุ่งศึกษามนุษย์ทุก วัยตั้งแต่ปฏิสนธิจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการเจริญเติบโตทางร่างกาย ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก เจตคติ พฤติกรรมการแสดงออก สังคม บุคลิกภาพ ตลอดจนสติปัญญาของบุคคลในวัยต่างกัน เพื่อให้ทราบถึงลักษณะพื้นฐาน ความเป็นมา จุดเปลี่ยน จุดวิกฤตในแต่ละวัย กล่าวคือช่วยให้ทราบถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงของบุคคลในวัยต่าง ๆ กัน จิตวิทยาพัฒนาการจึงถือเป็นรากฐานของจิตวิทยาแขนงอื่น ๆ
การศึกษาจิตวิทยาพัฒนาการของมนุษย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ผู้ศึกษาเกิดความเข้าใจบุคคลในลักษณะองค์รวมทั้งที่เป็นส่วนบุคคลและการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มสังคม เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุของพฤติกรรมปัญหา เข้าใจถึงระดับสติปัญญา ลักษณะอารมณ์ ความต้องการของบุคคลแต่ละวัย นอกจากนี้การเข้าใจธรรมชาติของบุคคลแต่ละวัยช่วยให้เกิดการประสานงานกันอย่างราบรื่น และช่วยให้บุคคลปรับตัวเข้ากันได้ดีขึ้น
 ความหมายของพัฒนาการ นักวิชาการหลายท่านให้ความหมายของคำว่าพัฒนาการ (development) ดังนี้
สุชา จันทร์เอม (2540 : 1) กล่าวว่าพัฒนาการ หมายถึง ลำดับของการเปลี่ยนแปลงหรือกระบวนการเปลี่ยนแปลง (process of change) ของมนุษย์ทุกส่วนที่ต่อเนื่องกันไปในระยะเวลาหนึ่ง ๆ ตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิต การเปลี่ยนแปลงนี้จะก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เป็นขั้น ๆ จากระยะหนึ่งไปสู่อีกระยะหนึ่งเพื่อที่จะไปสู่วุฒิภาวะ ทำให้มีลักษณะและความสามารถใหม่ ๆ เกิดขึ้น ซึ่งมีผลทำให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นตามลำดับ
ทิพย์ภา เชษฐ์เชาวลิต (2541 : 1) ได้ให้คำจำกัดความของพัฒนาการว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผน มีขั้นตอน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านเจริญเติบโตงอกงามและถดถอย และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลรวมของวุฒิภาวะและประสบการณ์
ศรีเรือน แก้วกังวาล (2540 : 21) กล่าวว่าพัฒนาการเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องทั้งที่สังเกตได้ง่าย ชัดเจน และมองเห็นได้ยาก ไม่ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
จากความหมายดังกล่าวสรุปได้ว่า พัฒนาการเป็นกระบวนการพัฒนาของมนุษย์ในทุก ๆ ด้านของชีวิตตั้งแต่จุดเริ่มต้นของชีวิตจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องทั้งในลักษณะของการเจริญงอกงามและการถดถอย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ได้รับ ซึ่งนำไปสู่ความมีวุฒิภาวะ
 จุดมุ่งหมายของการศึกษาพัฒนาการของมนุษย์
1. เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการที่จะเข้าใจลักษณะของพัฒนาการในระยะเวลาต่างๆว่าเป็นอย่างไร และจะมีส่วนช่วยในการแก้ไขและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น ตามความเหมาะสมของแต่ละอายุ ทั้งนี้เพราะว่า ในการที่เราจะเข้าใจลักษณะต่างๆ ได้นั้นจะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างช่วยกัน เช่น ประสบการณ์ในชีวิต การได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับบุคคลต่างๆ
2. เพื่อให้สามารปรับตัวให้เข้ากับความยากลำบากของการพัฒนาการในแต่ละช่วงอายุว่ามีความแตกต่างกันได้เป็นอย่างดี เช่น ในวัยชรา คนชราจะได้รับอิทธิพลและปัญหาต่างๆ หล่อหลอมบุคลิกภาพ ความรู้สึกนึกคิด มาตั้งแต่แรกเกิด ดังนั้นประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับนั้นจะแตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญยิ่ง คือ ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับตจะเป็นตัวหล่อหลอมให้บุคคลนั้นมีบุคลิกภาพและความเป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเองและจะไม่เหมือนบุคคลอื่น ซึ่งจัดว่าการที่บุคคลมีการยอมรับและเข้าใจตนเอง(Self actualization) นั้นย่อมมีความแตกต่างกัน
ด้วยเหตุนี้จุดมุ่งหมายของการศึกษาวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ จึงมีจุดมุ่งหมายที่สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์อื่นๆนั่นคือ
1. เพื่อการบรรยาย (Description) ในการบรรยายนี้จะเป็นการเสาะแสวงหาความรู้เพื่อให้สามารถที่จะบอกเล่ากันต่อๆไปได้ อันเป็นความรู้ และเพื่อจะได้นำเอาความรู้นั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อไป ซึ่งลักษณะดังกล่าว จะเป็นการบอกเล่าว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน
2. เพื่อการอธิบาย (Explanation)เพื่อเป็นการเสาะแสวงหาความรู้และเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อันสามารถอธิบายปรากฏการณ์ในสิ่งที่เราไม่รู้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพยายามอธิบาย หรือให้ความกระจ่างว่า ปรากฏการณ์นั้นเกิดได้อย่างไร มีอะไรเป็นสาเหตุ ผลที่ตามมาควรจะประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง
3. เพื่อการทำนาย (Prediction)เป็นการพยากรณ์ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าการอธิบาย ทั้งนี้เพราะ การทำนายนั้นจะเป็นการทำนายเพื่อต้องการอธิบายในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น อันเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้าว่า เมื่อไหร่จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วผลจะเป็นอย่างไร เวลาไหน ซึ่งการที่เราสามารถทำนายได้นี้นับว่ามีประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอันมาก
4. เพื่อการควบคุม (Control) เป็นการที่ผู้รู้จะสามารถนำเอาความรู้นั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดโดยการปรับปรุงธรรมชาติ สภาพทางสังคม และบุคคลให้อยู่ในตามแนวทางที่ตนปรารถนา การควบคุมดังกล่าวจึงนับว่ามีความสำคัญไม่น้อย




ที่มา อาจารย์อาภากร เปรี้ยวนิ่ม เอกสารประกอบการสอน วิชา จิตวิทยาพัฒนาการ

ดวงปี 2553 สำหรับท่านที่เกิดปีจอ



ท่านที่เกิดปีจอ รอบอายุ
76 ปี (พ.ศ. 2477) และรอบอายุ 16 ปี (พ.ศ. 2537)
………

สำหรับเจ้าชะตาอาวุโสรอบอายุ 76 ปี เนื่องจากดาวพระเคราะห์ร้ายที่โคจรเข้าสู่ชะตาราศีของท่าน ส่งผลให้ท่านมีอารมณ์ไม่ค่อยปกตินักและจะทำให้หงุดหงิดมีปากเสียงกับผู้อื่น ได้ง่าย ท่านจึงต้องพยายามใจเย็นและหลีกเลี่ยงการกระทบ กระทั่งโดยเฉพาะกับลูกหลาน อย่าเข้าไปยุ่งในเรื่องส่วนตัวหรือเข้าไปควบคุมจัดการเรื่องของคนในครอบครัว มากไป
 

      แม้ ปีนี้ในเรื่องการงานการค้ามักไม่ได้ดังใจหวัง โชคยังดีที่มีอิทธิพลของดาวมงคลบางดวงคอยเช่วยเหลือท่านอยู่ ดังนั้นขอให้ท่านสงบ จิตสงบใจหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และหาเวลาไปปฏิบัติธรรมจะทำให้พื้นชะตาของท่านในปีนี้ราบรื่นขึ้น
………
สำหรับเจ้าชะตาที่เป็นผู้หญิงปีนี้จะมีปัญหาน้อยกว่าผู้ชาย แต่ท่านก็ไม่ควรประมาทตัวเอง ดูแลตัวเองทั้งในด้านร่างกายและจิตใจให้ดี
………
สำหรับเจ้าชะตาวัยรุ่น ดาวพระเคราะห์ที่โคจรเข้าสู่เรือนราศีของท่านในปีนี้คือ ดาวเทียนเก้า (ดาวสุนัข ฟ้า) ดาวไท้อิมและ ดาวเทียนเต็ก ซึ่งจะส่งผลทำให้มีทั้งเรื่อง ดีและเรื่องร้ายเข้ามา ดังนั้นปีนี้ท่านจึงต้องเพิ่มความขยันหมั่นเพียรทั้งในด้านการงานการเรียน ให้มากขึ้นหากมีอุปสรรค หรือความไม่สบายใจในเรื่องใดควรจะขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัว อย่าเชื่อเพื่อนมากเกินไป เพราะอาจจะพาเราหลงเดินทางผิดได้
………
นอก จากนี้ควรหลีกเลี่ยงเหตุทะเลาะวิวาท ไม่ควรเอาแต่อารมณ์ตนเองเป็นใหญ่ด้านสุขภาพจะมีอาการปวดหัว และควร ระวังจะเกิดอุบัติเหตุจากความประมาทรวมถึงการดื่มกินที่ขาดสติ
………

ท่านที่เกิดปีจอรอบอายุ
64 ปี (พ.ศ. 2489) และรอบอายุ 4 ปี (พ.ศ. 2549)
………

………
สำหรับ เจ้าชะตาอาวุโส ปีนี้มีดาวมงคลหลายดวงฉายแสงเปล่งประกายอยู่เหนือเรือนราศี ทำให้การงานและกิจการค้าจะราบรื่น ท่านจะมีโอกาสและช่องทางในการขยายงานขยายธุรกิจ และหากทำได้ดีจะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าไม่น้อย นอกจากนี้ท่านจังมีโอกาสซื้อทรัพย์สินราคาแพงและมีรายรับ หรือผลตอบแทนจากการลงทุนที่งดงาม
………
ทว่า ในระหว่างปีท่านจะได้รับอิทธิพลจากดาวรังควาน ส่งผลทำให้ท่านเกิดความเครียดนอนไม่หลับ การพักผ่อนไม่เพียงพอจึงก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมา นอกจากนี้ต้องระวังโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินนอาหาร โรคกระเพาะ โรคลำไส้อักเสบ ระบบขับถ่ายมีปัญหาและโรคอาหารเป็นพิษ ในส่วนของบริวาร ท่านก็ควรระวังผู้น้อยก่อความเดือดร้อนมาให้ หรือมิเช่นนั้นข้าวของมีค่าอาจจะสูญหายหรือถูกลักขโมย ท่านจึงต้องไม่ประมาทและต้องหมั่นตรวจตราดูแลบ้านช่องให้ดี
………
สำหรับ เจ้าชะตาวัยเยาว์ เนื่องจากดาวพระเคราะห์ที่โคจรเข้าสู่เรือนราศีในปีนี้คือ ดาวร้าย ดังนั้นสิ่งที่ควรระวังคือ การเล่นซุกซน หรือทำกิจกรรมไกลหูตาอาจก่อให้เกิด อุบัติเหตุส่งผลให้เลือดตกยางออกโดยเฉพาะที่แขนและขา ดังนั้นท่านผู้ปกครองควรจะระมัดระวังการเล่นซนอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ เด็กให้มากและพยายามตรวจตราอย่าให้มีสิ่งของหรือวัสดุที่เป็นอันตรายอยู่ใน บริเวณที่เด็กวิ่งเล่นเพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
………

ท่านที่เกิดปีจอ รอบอายุ
52 ปี (พ.ศ. 2501)
………

………
สำหรับ เจ้าชะตาปีจอรอบอายุนี้ เนื่องจากดาวพระเคราะห์ที่โคจรเข้าสู่เรือนราศีของท่านในปีนี้ ส่งผลทำให้ปีนี้ท่านจะได้รับอิทธิพลทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย โดยในด้านหน้าที่การงานและกิจการค้าจะพบผู้สนับสนุนคอยให้ความช่วยเหลือทำ ให้เจ้าชะตามีโอกาสวางแผนขยัยขยายงานได้ และจะประสบความสำเร็จสมตามที่คาดหวังไว้ ท่านที่ทำธุรกิจการค้าจะมีความเจริญก้าวหน้าที่ดี
………
ภาย ในครอบครัวก็จะมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้นจะมีทรัพย์มงคลมาเยือนแต่เจ้า ชะตาก็ไม่ควรประมาท เนื่องจากในระหว่างปีมี ดาวร้ายเข้ามารังควาน ท่านจึงควรระวังคนแปลกหน้าและคนใกล้ตัวบางคนที่จะเข้ามาตีสนิทหลอกลวงให้ เกิดความเสียหาย ปีนี้ท่านจึงไม่ควรเชื่อใจใครง่ายๆ จะทำอะไรก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการลงนามในเอกสารสัญญาต่างๆ อีกทั้งควรระวังความปลอดภัยของสามาชิกในครอบครัวให้มาก โดยเฉพาะสิ่งที่ติดตั้งยึดไว้กับผนังบ้านที่อาจชำรุดร่วงหล่นลงมาทำอันตราย
………
นอก จากนี้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็ต้องหมั่นตรวจสอบสภาพให้ดี หากชำรุดเสียหายก็ต้องดูแลซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านต้องตรวจตราลง กลอนประตู หน้าต่าง และเปิดกล้องวงจรปิดหรือสัญญาณกันขโมยทิ้งไว้ ระวังทรัพย์สินมีค่าจะสูญหาย และควรระวังผู้น้อยหรือบริวารที่จะก่อความเสียหาย
เดือดร้อนให้กับตัวท่านด้วย

………

ท่านที่เกิดปีจอรอบอายุ
40 ปี (พ.ศ. 2513)
………

………
ดาว พระเคราะห์ที่โคจรเข้าสู่เรือนราศี ส่งผลต่อเจ้าชะตาปีจอรอบอายุนี้ ทำให้ในหลายเรื่องมีความเสำเร็จสมดังใจหวังแต่ท่านก็ยังไม่อาจประมาทได้ตลอด ทั้งปี อิทธิพล ของดาวมงคลต่างๆ ที่โคจรเข้าสู่เรือนราศีในช่วงระหว่างปีนี้จะส่งผลดีต่อหน้าที่การงานและ ธุรกิจการค้าของเจ้าชะตาที่จะพบหนทางแห่งความสำเร็จ มีความเจริญก้าวหน้า ทั้งมีเกณฑ์พบผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือทำให้อุปสรรคต่างๆ ได้รับการแก้ไขคลี่คลายเจ้าชะตาสามารถลงทุนขยายผลเพิ่มเติมในกิจการงานอื่นๆ และจะได้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ
………
อย่าง ไรก็ดีเนื่องจากในชะตามีดาวร้าย โคจรเข้ามาก่อกวนรังควานร่วมอยู่ด้วย ท่านจึงต้องระวังการเกิดความขัดแย้ง ทั้งกับคนในครอบครัว และพื่อนร่วมงาน อีกทั้งอาจจะเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงทำให้ท่านต้องสูญเสียทรัพย์ได้รับความเสีย หาย และควรระวังอุบัตเหตุทั้งในระหว่างการทำงานและการเดินทาง การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ปีนี้ไม่วจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม ท่านไม่ควรใช้อารมณ์จะทำให้เกิดความผิดพลาดเดือนร้อนตามมา นอกจากนี้ท่านควรระวังการเข้าใจผิดในบางเรื่องซึ่งจะส่งผลร้านถึงอนาคต
………

ท่านที่เกิดปีจอรอบอายุ
28 ปี (พ.ศ. 2525)
………

………
สำหรับ เจ้าชะตาปีจอรอบอายุนี้ เนื่องจากดาวพระเคราะห์ที่โคจรเข้าสูเรือนชะตาราศีของท่านในปีนี้คือ ดาวมงคล จึงนับว่าปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่โอกาสดีมาเยือน หากเจ้าชะตาทำงานประจำหรือรับราชการปีนี้เจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาจะส่ง เสริมเป็นพิเศษ ผลงานจะเข้าตาผู้ใหญ่ มีโอกาสเลื่อนขึ้นเลื่อนตำแหน่งมีความเจริญก้าวหน้า ส่วนท่านที่ทำธุรกิจการค้าปีนี้จะค้าขายดีมีกำไรสามารถวางแผนเพื่อขยับขยาย ยิ่งหากท่านรู้จักเก็บออมใช้จ่ายอย่างประหยัด มีการวางแผนการเงินในอนาคตก็จะถือเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อร้างสร้างตัวที่ดี
………
อิทธิพล ของดาวมงคลนี้ แม้จะช่วยเสริมชะตาท่านในเรื่องการเงิน แต่ท่านก็จะต้องฟันฝ่าอุปสรรคที่จะพบเจอในปีนี้ไปให้ได้ สิ่งสำคัญที่ท่านควรยึดถือในปีนี้คือ การนอบน้อมถ่อมตน หมั่นกระชับความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้านาย และผู้คนรอบข้างไว้เสมอ ก็จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
………
มี สิ่งที่ท่านควรระมัดระวังในปีนี้คือ การคบเพื่อนควรรู้จักแยกแยะมิตรแท้มิตรเทียม และพยายามหลีกเลี่ยงเพื่อนที่ชอบชักชวนเที่ยวเตร่เพราะการดื่มสุราและเที่ยว ตามแหล่งอบายมุขล้วนแล้วแต่มีผลบั่นทอนอนาคตที่สดใสของท่าน เนื่องจากอาาจจะมีเรื่องราวเกิดการทะเลาะวิวาทและใช้อารมณ์มากกว่าสติทำให้ เกิดความเดือดร้อน หรือหากขับรถก็อาจจะมีภัยอันตราย ดังนั้นของให้ท่านมีสติและรู้จักยับยั้งชั่งใจ และทุกอย่างก็จะสำเร็จราบรื่นสมดังใจหวัง

หยินหยาง 9 ท่า


หยินหยางเป็นศาสตร์สืบ ทอดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในทางวิทยาศาสตร์ แม้จะมีหลายอย่างที่อธิบายได้
แต่ก็ยังมีความลับบางประการที่ยังเป็น ปริศนา โดยเฉพาะในเรื่องของพลังชีวิตที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ หลายท่าในการเสพสุขอาจมีความใกล้เคียงกับท่ายอดนิยมที่เราคุ้นเคย แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะยังมีเรื่องของความถี่ในการซอย และท่าต้องยกเว้นที่ไม่ควรหลั่ง ซึ่งทั้งหมดนี้นำมาทั้งผลอันเริงรมย์ และสุขภาพ และนี่คือ หยินหยาง 9 ท่า

จักจั่น สนั่นลีลา ผู้หญิงนอนคว่ำหน้า ใช้หมอนหนุนช่วงหน้าท้องเพื่อยกก้น ผู้ชายประกบด้านหลังในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน สอดใส่และซอยเป็นเซต สลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง

นกกระสาพากระสัน ผู้ชายนั่งแยกขาบนพื้น หรือเก้าอี้ ผู้หญิงนั่งคร่อมบนตักในลักษณะหันหน้าประกบ เมื่อสอดใส่แล้ว ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายโยก ในขณะที่ฝ่ายชายสวมกอด ท่านี้ผู้หญิงสามารถควบคุมการเสียดสีภายในได้ตามถนัด และยังถึงจุดสุดยอดได้หลายครั้ง ซอยเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B
ซอยเก้าครั้งแล้ว หยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง

มังกร นอนสังวาส ผู้หญิงนอนหงายให้หลังติดเตียง แยกขาทั้งสองข้าง ฝ่ายชายนอนประกบให้ส่วนหน้าของร่างกายแนบชิดมากที่สุด และสวมใส่ ซอยเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง ท่านี้ไม่เหมาะกับการหลั่ง
ปลา คู่ชู้ชื่น ผู้ชายนอนหงายให้หลังติดพื้น ชันเข่าเล็กน้อย ฝ่ายหญิงขึ้นคร่อม และจัดการสอดใส่ จากนั้นทอดตัวช่วงบนลงนอนประกบฝ่ายชาย และซอยเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง
ลิง ลมสมเสพ  ผู้หญิงนอนหงาย ยกช่วงขาขึ้นพาดบ่าผู้ชายในขณะที่เขานั่งคุกเข่าและสอดใส่ จากนั้นใช้สองมือคร่อมค้ำพื้น ฝ่ายหญิงใช้สองมือจับแขนของฝ่ายชายให้มั่น แล้วทำหน้าที่ซอยเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง
วิหค ฉกสวรรค์ ผู้หญิงนอนหงาย ชันตัวสี่สิบห้าองศาในท่าสบายด้วยการวางข้อศอกและช่วงหลังบนหมอน ผู้ชายนั่งคุกเขา รวบขาของผู้หญิงยกขึ้นตั้งฉาก สอดใส่และซอยอย่างนุ่มนวลเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง
กระต่าย หมายโรมรัน ผู้ชายนอนหงาย ชันตัวขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงขึ้นนั่งหันหลัง จัดการสอดใส่ และซอยเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง

เต่าสะดุ้งผักบุ้งกระเทือน  ผู้หญิงนอนหงาย งอเข่าและยกขาขึ้นจนปลายเข่าชนทรวงอก ผู้ชายคุกเข่าประกบ สอดใส่และซอยเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง

พยัคฆ์ ซุ่มขยุ้มนารี  ผู้หญิงอยู่ในท่าคลาน สองมือค้ำพื้น ผู้ชายนั่งคุกเข่าประกบจากทางด้านหลัง สอดใส่และซอยเป็นเซตสลับกันเพื่อความสมดุลระหว่าง เซต A ซอยหกครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยิน และเซต B ซอยเก้าครั้งแล้วหยุดเพื่อเสริมธาตุหยาง
 
ที่มา http://www.womanplusmagazine.com/hot_detial.php?id_key=3&id=100

พยากรณ์ระหว่างวันที่ 20-26 มิถุนายน 2553 :: hanako

พยากรณ์ระหว่างวันที่ 20-26 มิถุนายน 2553 :: hanako

...



เซ็กส์เวลาไหนเร้าใจเขาสุด (Woman Plus)

6.00 : ตอนเช้าตรู่

เป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีอารมณ์หงุดหงิด แต่เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลุกเซ็กส์ให้กระปรี้กระเปร่า เพราะร่างกายของเราได้ทำการผลิตเซ็กซ์ฮอร์โมนไว้ให้ล่วงหน้าถึง 2 ชั่วโมง ช่วงนี้เหมาะเนื่องจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosteron) ของเขาผลิตมากขึ้นถึง 20%

Tip : อย่าปลุกเร้าเขาอย่างเร่งร้อน เพราะร่างกายเขายังแข็งชาอยู่ ต้องอุ่นเครื่องช้า ๆ ให้ค่อย ๆ ร้อนทีละนิด แล้วเครื่องยนต์จะกระหึ่ม พร้อมจะขับเคลื่อนไปกับคุณทุกที่

8.00 : ในวันหยุดสุดสัปดาห

เป็นวันที่คุณและเขาได้นอนจนเต็มอิ่ม ชดเชยกับวันทำงานที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ เวลาสาย ๆ อย่างนี้แหละที่คุณและเขาสามารถเติมความหวานบนเตียงนอน แทนอาหารเช้าประเภทกาแฟหรือข้าวต้มร้อน เพราะการมีเซ็กส์ในช่วงเวลานี้จะช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตไหลเวียนดียิ่ง กว่าดื่มกาแฟคาปูชิโนเสียอีก

Tip : ให้เวลากับรสรักด้วยการลูบไล้ นวดเค้น และลองรสชาติแปลกใหม่ดูบ้าง เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้สรรหารสรักแปลกใหม่มาเติมเต็มให้ชีวิตรักซู่ซ่า เหมือนเซ็กส์ในช่วงแรกรัก

13.00 : คุณเพิ่งทานอาหารกลางวันไปไม่นาน

ช่วงนี้ร่างกายของคุณกำลังคร่ำเคร่งกับการย่อยอาหารจึงไม่เหมาะที่จะมี เซ็กซ์ แค่กอดกันก็สุขแล้ว

15.00 : ช่วงเวลาบ่าย ๆ

โรแมนติกไม่แพ้ช่วงเช้าหรอกนะจะบอกให้ เพราะร่างกายมีการหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟีน (Endorphine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความสุขออกมามากเป็นพิเศษ ตอนนี้เองที่ร่างกายของคุณต้องการกิจกรรมอย่างว่า ดังนั้น จึงเหมาะอย่างยิ่งที่คุณจะทำกิจกรรมด้วยการทดลองเซ็กส์ใหม่ ๆ บ้าง เพื่อช่วยให้ชีวิตคู่มีชีวิตชีวามากขึ้น

21.00 : ช่วงค่ำ ๆ

เวลานี้ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข จึงเหมาะกับอารมณ์สุนทรีย์ทางเพศเป็นอย่างยิ่ง คุณควรเริ่มด้วยบรรยากาศโรแมนติกกับกลิ่นหอม ๆ ฟังดนตรีไพเราะ และลูบไล้ยั่วยุอารมณ์เพศให้พุ่งทะยาน เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการที่จะทำรักให้สุขสดชื่น

Tip : งัดชุดนอนเซ็กซี่บางเฉียบมาสวมใส่ พร้อมดื่มไวน์ย้อมใจ ก่อนเร้าอารมณ์ซึ่งกันและกัน



ขอขอบคุณข้อมูลจาก เเละ เรียบเรียงโดย www.kapook.com

โอปราห์ วินฟรีย์ แชมป์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกา

โอปราห์ วินฟรีย์ แชมป์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกา

Tuesday 29 June 2010

Pepper Mouth เป๊ปเปอร์ เม้าท์ อุปกรณ์ลดคำหยาบในโลกออนไลน์

Pepper Mouth เป๊ปเปอร์ เม้าท์ อุปกรณ์ลดคำหยาบในโลกออนไลน์

ตารางบอลโลก 2010 ตารางการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 Kapook Football

ตารางบอลโลก 2010 ตารางการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 Kapook Football

รีวิว BlackBerry Bold 9700

รีวิว BlackBerry Bold 9700

หนังใหม่ แวมไพร์ ทไวไลท์ ภาค 3 Twilight Saga Eclipse ทไวไลท์ภาค3

หนังใหม่ แวมไพร์ ทไวไลท์ ภาค 3 Twilight Saga Eclipse ทไวไลท์ภาค3

การติดตั้ง Microsoft Office 2010 Office Professional Plus

Microsoft Office 2010 Office Professional Plus

Thursday 3 June 2010

ข้อคิด ของ เหมา เจ๋อ ตุง ขงเบ้ง นโบเลียน

ไม่มีมนุษย์คนใด ไม่ต้องการความช่วยเหลือดอกบัวยังต้องอาศัยใบบัวค้ำชูรั้วแถบหนึ่ง มีเสาค้ำอย่างน้อยสามต้นคนเก่งคนหนึ่งต้องมีคนช่วยอย่างน้อยสามคน เหมา เจ๋อ ตุง
 








                                   จงมองไปข้างหน้า เพื่อก่อความหวัง                                   จงมองไปข้างหลัง เพื่อแก้ความผิด
ถ้าไม่มีความหวัง ก็เหมือนคนสิ้นคิด
ถ้าไม่มีความผิด ก็เหมือนไม่ใช่คน
นโปเลียน
    










สูงส่งแต่ไม่เย่อหยิ่ง
ชนะแล้วไม่ลำพอง
ปราดเปรื่องแต่รู้จักลงเวที
เข้มแข็งแต่มีความอดกลั้น
ขงเบ้ง

ขอขอบคุณ บทความจาก www.bloggang.com

Wednesday 2 June 2010

วิธีเล่น Google Buzz

วิธีใช้ Google Buzz (สำหรับผู้เริ่มต้น)






Google Buzz คือ บริการ Social Network ใหม่ ล่าสุดของ Google ที่จะทำให้ เราสามารถติดต่อสื่อสารและเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ ได้อย่างสนุกสนานมากขึ้นครับ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ใช้ Facebook หรือ Twitter อยู่ ก่อนแล้วคงใช้เวลาเรียนรู้ไม่นานนัก เพราะหลักการใช้งานจะคล้ายกันอยู่พอสมควรครับ จะมีบ้างแค่บาง Feature ที่อาจจะขัดใจเราอยู่หน่อย :-) ซึ่งก็เข้าใจในเบื้องต้นว่าทีมงานผู้พัฒนา Google Buzz ก็คงกำลังปรับปรุงแก้ไขบริการอยู่อย่างต่อเนื่องครับ

และ สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นใช้บริการ Google Buzz ก็คือ เราต้องมีอีเมล์แอคเคาท์ของ Gmail เสียก่อนครับ ถ้าใครยังไม่มีก็รีบไปสมัครก่อนนะครับที่ www.gmail.com




วิธีตั้งค่าและใช้ Google Buzz


1. เข้าที่เว็บ http://buzz.google.com




2. Log in เข้าใช้บริการโดยใส่ชื่ออีเมล์(Gmail) และรหัสผ่าน จากนั้นคลิก ลงชื่อเข้าใช้งาน




3. คลิกปุ่มดังรูป



4. คลิกที่ Buzz




5. เข้าสู่หน้าต้อนรับของ Google Buzz ซึ่งเค้าก็ได้อธิบายหลักของการใช้อย่างชัดเจนครับ คือ เราจะได้อ่านข้อความที่โพสต์ของคนอื่นถ้าเราติดตาม (Follow)เค้า และถ้ามีใครมาติดตามเรา เค้าก็จะได้อ่านของความที่เราโพสต์ครับ  ตรงนี้ให้คลิกปุ่ม ตกลง ผ่าน ไปได้เลย




6. คลิกที่ แก้ไข เพื่อ เข้าไปใส่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเรา (Profile) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตบน Social Network ทุกบริการครับ




7. ทำการกรอกข้อมูลและอัพรูปของเราให้เรียบร้อยครับ (ช่องไหนไม่อยากให้ใครทราบก็ไม่ต้องกรอกครับ) ซึ่งส่วนที่ต้องเน้นหน่อยก็คือรูปภาพแทนตัวของเรา (Avatar)

8. เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว คลิก Create a Google profile




ถึง ตอนนี้ Profile ของเราก็จะไปปรากฏที่ http://www.google.com /profiles/ชื่อของเรา  เป็นที่เรียบร้อย


สำหรับผู้ที่ต้องการให้ เพื่อนมา Follow  ก็สามารถสามารถทีจะบอก URL ของ Profile เราได้เลยครับ

9. คลิกเมนู Gmail เพื่อย้อนกลับไปหน้าแรก




10. คลิกที่เมนู Buzz




11. คลิกปุ่ม บันทึก โปรไฟล์และดำเนินการต่อ




12. เริ่มต้นติดตาม(Follow) คนอื่นก่อนดีกว่าครับ คลิกที่ ติดตามบุคคลอื่น




13. พิมพ์ชื่อเพื่อนที่เราต้องการติดตาม แล้วคลิกปุ่ม ค้นหา จากนั้นคลิกที่ เพิ่ม ดังรูปครับ





14. และเราก็สามารถจะอ่านข้อความที่โพสต์โดยเพื่อนคนนี้ได้แล้วล่ะครับ  ถ้าอยากโพสต์โต้ตอบเพื่อแสดงความคิดเห็นก็คลิกที่ ความคิดเห็น ได้เลยครับ




15. พิมพ์ข้อความเพื่อแสดงความคิดเห็นได้เลยครับ




16. ข้อความที่โพสต์ของเราก็จะไปแสดงทันที




17. หัวข้อบางประเด็นอาจมีข้อความที่เพื่อนโพสต์แสดงความคิดเห็นกันมามากมาย เราก็สามารถที่จะคลิกดูได้




18. เพื่อนคนไหนที่พูดถูกใจ เราก็สามารถคลิกที่ชื่อเค้าเพื่อขอติดตาม(Follow) อ่านข้อความที่เค้าโพสต์ได้เช่นกันครับ




19. คลิกที่ปุ่ม ติดตาม (Follow) ได้เลยครับ (จากตัวอย่าง สังเกตว่า Orange มีผู้ติดตาม 17 ราย เราสามารถคลิกเข้าไปดูและคลิกเพิ่มเพื่อขอติดตามได้)




20. คลิกที่เมนู Buzz ย้อนกลับไปดูข้อความของคนที่เราติดตาม




21. จะเห็นว่ามีข้อความที่โพสต์โดยเพื่อนที่เราติดตาม




22. เมื่อมีการโพสต์โต้ตอบใน Buzz เราก็จะได้รับอีเมล์ด้วยเช่นกัน (หัวข้ออีเมล์ที่มีไอคอน Buzz อยู่ท้ายหัวข้อ)




23. เมื่อคลิกอ่านอีเมล์ เราก็สามารถที่จะโพสต์โต้ตอบได้ทันทีครับ




24. ทุกๆ กระทู้เราสามารถกำหนดค่าการใช้งานได้




25. นอกจากโพสต์ข้อความแล้ว เรายังสามารถ โพสต์ลิงก์ และ โพสต์รูป ได้ อีกด้วย




26. วิธีการโพสต์ลิงก์มีขั้นตอนนิดหน่อยดังรูป




27. เมื่อโพสต์แล้วก็จะแสดงลิงก์พร้อมคำอธิบายดังรูปครับ




28. การโพสต์รูปลงก็เช่นกัน ให้คลิกที่ รูปภาพ




29. คลิกที่ปุ่ม เลือก ภาพที่จะอัปโหลด



30. เลือกรูปที่ต้องการโพสต์ จรากนั้นคลิก Open



31. คลิกปุ่ม เพิ่ม รูปภาพในบทความ




32. ใส่ข้อความอธิบายภาพ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม โพสต์



33. รูปที่โพสต์ก็จะแสดงรูปด้านล่างครับ

 
 
 
 
 
ขอขอบคุณบทความจาก www.thaifollow.com