Saturday 24 December 2011

แจก โปรแกรม Excel ใช้สำหรับทำ บัญชีครัวเรือน รายรับ รายจ่าย ปี 2555


ของ ปี 2556 ได้เขียนลงบล๊อกเป็นที่เรียบร้อย ตาม ลิงค์นี้ครับ  >>  http://piyapongpom.blogspot.com/2013/01/excel-2556-fy-2013.html


วันนี้ ขอนำ Excel ใช้สำหรับทำบัญชีครัวเรือน รายรับ รายจ่าย ปี 2555 ของธนาคารเเห่งประเทศไทย กับ ของธนาคารกสิกรไทย มาฝากนะครับ เพื่อจะได้บริหาร รายรับรายจ่าย การออม สำหรับตนเอง เเละครอบครัว มีประโยชน์ เเละใช้งานง่ายครับ

บัญชีครัวเรือน คือ คือ การจดบันทึก ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขปัจจัยในการดำรงชีวิตของตัวเอง และภายในครอบครัว    ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกจะเป็นตัวบ่งชี้อดีต ปัจจุบันและอนาคตของชีวิตของตัวเอง สามารถนำข้อมูลอดีตมาบอกปัจจุบันและอนาคตได้ ข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนชีวิตและกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต ในครอบครัว

คำสอนของพ่อ

"... คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียน คนอื่นน้อย.  ถ้าทุกประเทศมีความคิด - อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ - มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข. พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น.  ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียง  ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง ...”
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันศุกร์ ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑


ของ ปี 2556 ได้เขียนลงบล๊อกเป็นที่เรียบร้อย ตาม ลิงค์นี้ครับ  >>  http://piyapongpom.blogspot.com/2013/01/excel-2556-fy-2013.html


Download 

ของธนาคารเเห่งประเทศไทย http://www.4shared.com/office/4nKEUjzm/Saving2555.html 




ของธนาคารกสิกรไทย http://www.4shared.com/office/vj0ZQTd-/K-SavingMemo_ExV2012-2.html


ขอบคุณที่มาจาก ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ธนาคารเเห่งประเทศไทย และ ธนาคารกสิกร

มีอะไรเพิ่มเติมหรือสอบถามได้ทาง FB : https://www.facebook.com/piyapongpom  นะครับ

ของ ปี 2556 ได้เขียนลงบล๊อกเป็นที่เรียบร้อย ตาม ลิงค์นี้ครับ  >>  http://piyapongpom.blogspot.com/2013/01/excel-2556-fy-2013.html

Tuesday 13 December 2011

ครม. อนุมัติ หยุดปีใหม่ 4 วัน 31 ธ.ค. - 3 ม.ค. 55

13 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ประกาศวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ จำนวน 4 วัน คือตั้งแต่ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ถึงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555 ให้เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และเพื่อให้กระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย

Friday 11 November 2011

การติดประดับเครื่องหมายบ่าอินทรธนู สำหรับข้าราชการ แบบใหม่


การติดประดับเครื่องหมายบ่าอินทรธนู (บ่าแข็ง)
ของโครงสร้างชั้นงานและประเภทตำแหน่งใหม่ (แบบแท่ง)
 ตั้ง เเต่บรรจุมาข้าราชการบรรจุใหม่ ต้องจำเป็นต้องไปถ่ายรูป เพื่อติดบัตร เเละเอกสารอื่นๆ ทำให้ข้าราชการใหม่หลายท่านที่ถ่ายรูปเครื่องหมายบ่าอินทรธนูผิด ทำให้เสียเวลา เเละค่าใช้จ่าย (เหมือนผมเป็นต้น) ซึ่งจากค้นหา Google ทำให้ทราบว่าอินทรธนูใหม่นั้นเป็นดังนี้ครับ

1) ตำแหน่งประเภททั่วไป มีระดับดังนี้
                1. ระดับปฏิบัติงาน (บ่าอินทรธนู 2 ดอก)
                2. ระดับชำนาญงาน (บ่าอินทรธนู 3 ดอก)
                3. ระดับอาวุโส (บ่าอินทรธนู ชั้นพิเศษ เดิม) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์)
                 4. ระดับทักษะพิเศษ (บ่าอินทรธนูเพิ่มใหม่) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์ เพิ่มเส้นฐาน)
2) ตำแหน่งประเภทวิชาการ มีระดับดังนี้ 
               1. ระดับปฏิบัติการ (บ่าอินทรธนู 3 ดอก)
                2. ระดับชำนาญการ (บ่าอินทรธนู ชั้นพิเศษ เดิม) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์)
                 3. ระดับชำนาญการพิเศษ (บ่าอินทรธนู ชั้นพิเศษ เดิม) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์)
                 4. ระดับเชี่ยวชาญ  (บ่าอินทรธนูเพิ่มใหม่) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์ เพิ่มเส้นฐาน)
                5. ระดับทรงคุณวุฒิ (บ่าอินทรธนูเพิ่มใหม่) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์ เพิ่มเส้นฐาน)
3) ตำแหน่งประเภทอำนวยการ มีระดับดังนี้
                1. ระดับต้น (บ่าอินทรธนู ชั้นพิเศษ เดิม) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์)
                 2. ระดับสูง (บ่าอินทรธนูเพิ่มใหม่) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์ เพิ่มเส้นฐาน)
4) ตำแหน่งประเภทบริหาร มีระดับดังนี้
               1. ระดับต้น  (บ่าอินทรธนูเพิ่มใหม่) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์ เพิ่มเส้นฐาน)
               2. ระดับสูง (บ่าอินทรธนูเพิ่มใหม่) หรือ (บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์ เพิ่มเส้นฐาน)

(บ่าอินทรธนู 2 ดอก)

(บ่าอินทรธนู 3 ดอก)





(บ่าอินทรธนู ชั้นพิเศษ เดิม)
(บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์)










(บ่าอินทรธนูเพิ่มใหม่)
(บ่าอินทรธนู ช่อชัยพฤกษ์ เพิ่มเส้นฐาน)








 












ขอบคุณที่มาจาก : http://www.xn--o3cd5bxa4b1d7d.com

Wednesday 19 October 2011

แผนที่ วิกฤตการณ์น้ำท่วมประเทศไทย 2554 ผ่านทาง Google Map

วันนี้จึงเอาการดูปริมาณน้ำ เเละสถานการณ์น้ำผ่านการดู Google Map เพื่อพิจารณาด้วยตนเอง
ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลจากหลายๆ หน่วยงานอาทิเช่น เเผนที่ทางหลวง ปริมาณน้ำที่ท่วมในเเต่ละพื้นที่ เป็นต้นครับ
ซึ่งสามารถติดตามได้ตาม ลิงค์นี้เลยครับ วิกฤษน้ำท่วมประเทศไทย 2554  หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจในการอพยพนะครับ และหวังว่าคนไทยทุกคนจะผ่านเรื่องเลวร้ายโดยเร็ว

Thursday 22 September 2011

วิเคราะห์ แนวข้อสอบบรรจุข้าราชการ ระดับปริญญาตรี โท ระดับ 3 4


วันนี้มาวิเคราะห์ข้อสอบเป็นข้าราชการกันดีกว่า เห็นเพื่อนๆหลายๆคน ของผม ถามว่าทำข้อสอบอย่างไร อ่านอย่างไร จึงบรรจุเป็นข้าราชการได้ สอบภาค ก ครั้งเดียวผ่าน เเละภาค ข กับ ค ก็สอบครั้งเเรก ครั้งเดียว เเล้วได้บรรจุเลย (แต่ก่อนทำงานเอกชน หลังๆโดนที่บ้านกดดัน เนื่องจากเป็นข้าราชการกันทั้งบ้านเลยลองสอบดูครับ ^^ ) หลังจากบรรจุได้ประมาณเกือบเดือนจึงว่างมาเขียนครับ เพื่อเป็นวิทยาทานครับ

ภาค ก นั้น ข้อสอบจะเป็นข้อสอบกากบาททั้งหมด มี 80 ข้อ แบ่งเป็นคณิตศาสตร์ 40 ข้อ บังคับผ่าน 60% คือต้องผ่านให้ได้ 24 คะเเนน ส่วนภาษาไทยก็เช่นกัน มี 40 ข้อ บังคับผ่าน 60% ต้องได้คะเเนน 24 คะเเนนขึ้นเช่นกัน รวมทั้งสองต้องได้ 48 คะเเนน และต้องได้คะเเนนอย่างต่ำท้ั้งสองส่วนอย่างละ 24 คะเเนน จึงจะผ่าน เวลาในการทำ 2 ชั่วโมง ครึ่ง

ข้อสอบ ภาค ก ข้อสอบคณิตฯ ส่วนใหญ่เป็นข้อสอบตรรกะ ใช้หลักการเเละเหตุผลในการทำข้อสอบ ความเกี่ยวเนื่อง ความสัมพันธ์กันสิ่งนี้เกิดสิ่งนั้นยอมเกิดตามมา เเละใช้หลักการวิเคราะห์เหตุเเละผล หนังสือที่ผมอ่านเตรียมสอบภาค ก ซึงเป็นหนังสือข้อสอบเเบบเก่า อ่านไปออกเพียง 5 ข้อ (เสียเวลาอ่านจริงๆ) คือ อนุกรม ประมาณ 5 ข้อ เป็นอนุกรมอย่างน้อย 2 ชั้นขึ้นไปครับ  ส่วนภาษาไทยเป็นข้อสอบความถูกต้องของการใช้คำ การเติมช่องว่างของข้อความ การเรียงประโยคก่อนเเละหลัง  ไม่มีความจำใดๆๆทั้งสิ้น คือ  ไม่มีคำราชศัพท์ คำผิดคำถูกครับ

ภาค ข เปิดรับเฉพาะตำเเหน่ง ปริญญาตรีเป็นข้อสอบกากบาท หรือข้อเขียน เเล้วเเต่หน่วยงานที่รับ วัดความรู้ที่สายเฉพาะตำเเหน่งที่บรรจุ ถ้าเป็นระดับปริญญาโทก็เช่นเดียวกัน เเต่จะเน้นหนักการทำข้อสอบข้อเขียนเป็นหลัก วัดความรู้ความเข้าใจในสายงานที่จะบรรจุ ไม่มีมั่ว หรือมั่วไปก็ไม่ถูกเหมือนข้อสอบกากบาทครับ

เคล็ดลับในการหาข้อมูลก่อนสอบนั้น ให้หาจากเว็ปของกรม กระทรวงที่เราจะสอบ
ยกตัวอย่าง ผมสอบตำเเหน่งนักวิเคราะห์นโยบายเเละเเผนปฏิบัติการ ระดับปริญญาโท ให้ไปอ่านหนังสือของกองเเผนงาน ของกรมที่เราจะบรรจุ ยิ่งได้หนังสือต่างๆที่กองเเผนเขียนขึ้นให้ทางกรมยิ่งดีครับ (ของผมค้นหาในอินเตอร์เน็ทครับ แต่เจอน้อยมาก )
ซึ่งทั้งระดับปริญญาตรี เเละโท มีคะเเนน 200 คะเเนน บังคับผ่าน 60% คุณต้องได้ 120 คะเเนนขึ้นไปครับ ถึงจะมีสิทธิสอบ ภาค ค

ภาค ค มี 100 คะเเนน เป็นการสัมภาษณ์ ถ้าบรรจุเป็นข้าราชการส่วนใหญ่จะเป็น คณะกรรมการจาก ก.พ.ร. ถ้าเป็นพนักงานราชการ ส่วนใหญ่จะเป็น กองการเจ้าหน้าที่ เเละกรรมการจากกอง สำนัก ที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการสัมภาษณ์

การสอบสัมภาษณ์นั้น  จะวัดที่ความรู้ ว่ามีความรู้เกี่ยวกับงานที่ทำงานมีมากน้อยเพียงไร มีลักษณะนิสัยอย่างไร มีไหวพริบในการตอบคำถามหรือไม่ ซึ่งทั้งปริญญาตรี เเละโท หากมีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องกับตำเเหน่งที่บรรจุจะได้คะเเนนค่อนข้างสูงครับ (ในการสอบสัมภาษณ์นั้น ควรอ่านข่าวเด่นๆในช่วงนั้น หรือมีความรู้รอบตัวหน่อยนะครับ เช่น กรมมีกี่สำนัก มีกี่กอง หรือ ความรู้ทั่วไปครับ)

การผ่านเเละขึ้นบัญชี ผู้ที่ขึ้นบัญชีไว้ 2 ปีได้นั้น ต้องรวมคะเเนนจาก ภาค ข + ภาค ค เเละต้องผ่าน 60% คือต้องรวมกันได้ 180 คะเเนน จากคะเเนนเต็ม 300 คะเเนน เรียงลำดับจากคะเเนนมากลดหลั่นไปตามลำดับ(หากคะเเนนเท่ากันจะพิจารณาจากเลขที่สมัครสอบ) และจะเรียกบรรจุตามลำดับครับ

ที่เขียนมาหวังว่าจะเป็นความรู้ หรือ เป็นเเนวในการทำข้อสอบ เพื่อ บรรจุเป็นข้าราชการสมใจปรารถนานะครับ

หากมีอะไรให้ช่วยเหลือ หรือ ขอข้อมูลต่างๆเพิ่มเติม สามารถส่งอีเมล์สอบถามได้ครับ piyapongpom@hotmail.com หรือ ทาง http://facebook.com/piyapongpom ครับ

อันตรายจากข้าวมันไก่ Caution-Chicken rice

จานข้าวมันไก่ที่วางรอขายนานเกิน 4 ชั่วโมงเตือนผู้ซื้อควรร้องขอให้ผู้ขายลวกเนื้อไก่ซ้ำก่อนซื้อหรือกินเพื่อป้องกันและควบคุมอันตรายจากโรคทางเดินอาหาร

จากการสุ่มตรวจข้าวมันไก่ซึ่งนิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายและมีขายอยู่มากตามริมบาทวิถีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดโดยนางสาวปรารถนา

เกิดบัวบัณฑิตวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การอาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

พบว่าข้าวมันไก่เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์สูงแม้ว่าจะผ่านการปรุงสุกแล้วก็ตามโดยไก่ต้มตัวสุดท้ายถูกแขวนไว้รอขายนาน

8-9 ชั่วโมงจนกว่าจะปิดร้านขณะที่ FAD Food Code

แนะนำเวลาในการรอเสิร์ฟไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมงนับตั้งแต่การปรุงสุก

สำหรับแบคทีเรียที่ตรวจพบในข้าวมันไก่ คือ

S.aureus, C.perfringens, Salmonella

โดยเฉพาะเนื้อไก่ที่ปรุงทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนานเกิน 5 ชั่วโมง

เชื้อจะเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นมากและ พบเชื้อ

E.coliในแตงกวาปอกเปลือกทุกชิ้นที่เป็นเครื่องเคียงกินกับข้าวมันไก่คาดว่าติดมากับใบมีด

เขียงและมือที่ไม่สะอาดโดยจุลินทรีย์ที่พบสามารถก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้

อาเจียนท้องเดิน ปวดท้องมีไข้หนาวสั่นและอ่อนเพลีย แต่ความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น

จะแตกต่างไปตามปริมาณและชนิดของเชื้อที่บริโภคผู้วิจัยเสนอแนะว่ามาตรการควบคุมจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมดให้อยู่ในเกณฑ์คุณภาพคือ

ควรจำกัดเวลาขายไม่เกิน 4 ชั่วโมงโดยนับเวลาตั้งแต่ต้มไก่สุกจนกระทั่งขายหากเกินเวลาควรมีการอุ่นอาหารก่อนรับประทาน

ซึ่งจะเป็นทางเลือกทำให้เกิดความปลอดภัยต่อการบริโภคมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ผู้ขายควร ระมัดระวังการสัมผัสอาหารที่ปรุงสุกแล้วด้วยมือหรืออุปกรณ์

และภาชนะที่ไม่สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค

สำหรับจุลินทรีย์ในน้ำจิ้มข้าวมันไก่

มีค่าสูงเกินเกณฑ์คุณภาพทางจุลชีววิทยาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อาจเกิดจากการปนเปื้อนมาจากวัตถุดิบไม่สะอาดแต่เนื่องจากระดับ

pH ของน้ำจิ้มข้าวมันไก่วัดได้ 4.22 ขณะที่เชื้อแบคทีเรียจะเจริญได้ดีในอาหารที่มี pH

5.5-7.0ดังนั้นสภาวะในน้ำจิ้มจึงไม่เหมาะต่อการเจริญของแบคทีเรียอย่างไรก็ตามร้านค้าควรเปลี่ยนน้ำจิ้มใหม่ทุกวัน

อาหารชนิดใด ใช้เวลาย่อยนานที่สุด?

        

แต่ละมื้อที่เรากินไปบางคนอาจจะไม่รู้ว่ากว่าอาหารจะย่อยเนี่ยต้องใช้เวลากี่นาที หรือเป็นชั่วโมง วันนี้เรามาดูกันว่า

ของโปรดเราที่กินกันทุกวันเนี่ยเป็นอาหารที่ย่อยยากรึเปล่า 

     30 นาที   น้ำ กาแฟ และแกงจืด 

     1 ชั่วโมง   ขนมปังขาว โยเกิร์ต นม ผลิตภัณฑ์นม และผลไม้ที่ให้สุกด้วยการหุงต้ม 

     2 ชั่วโมง   ผลไม้ ผัก มันผรั่งบด ปลาไขมันต่ำ 

     3 ชั่วโมง ครัวซองต์ ขนมปังโฮสวีต 

     4-7 ชั่วโมง เนื้อหมู ของทอด เห็ด ผลไม้เปลือกแข็ง 

     8-9 ชั่วโมง ขาหมู ผักกะหล่ำ

Sunday 18 September 2011

วิเคราะห์ สาเหตุน้ำท่วม ปี 54

     จากสถานการณ์น้ำท่วม ปี 54 ในหลายจังหวัด เเละมีผลกระทบเป็นวงกว้าง สาเหตุที่ทุกคนอาจไม่คาดถึง หรือไม่คิดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกันกับสาเหตุน้ำท่วมได้นั้น
     ในฐานะนักวิเคราะห์ ผมขอวิเคราะห์ ดังนี้ครับ สาเหตุที่หนึ่งมาจากการขาดการพร่องน้ำ หรือ อาจจะประมาณการกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในช่วงฤดูเเล้งผิดพลาด ไม่สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝนที่ตกบริเวณเหนือเขื่อน ของเขื่อนใหญ่ 2 เขื่อนในภาคเหนือ คือ เขื่อนภูมิพล เเละเขื่อนสิริกิต 
    ข้อมูลของปริมาณน้ำของเขื่่อน สิริกิต์ เเละเขื่อนภูมิพล ช่วงก่อนเเละหลังพายุต่างๆจะเข้ามีดังนี้ครับ ในวันที่ 10 พฤษภาคม 54 พบว่าปริมาณน้ำเขื่อนสิริกิต์ 51% เขื่อนภูมิพล 46% และเขื่อนป่าสัก 31% ในวันที่ 3 กรกฏาคม 54 พบว่าปริมาณน้ำเขื่อนสิริกิต์เพิ่มเป็น 65% เขื่อนภูมิพล 58% และเขื่อนป่าสัก 58%
     วันที่ 8 สิงหาคม 54 พบว่าปริมาณน้ำเขื่อนสิริกิต์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 85% เขื่อนภูมิพล 69% และเขื่อนป่าสัก 34% จึงทำให้ช่วงหลังวันที่ 8 สิงหาคม เขื่อนขนาดใหญ่ทั้งสองเขื่อนต้องเร่งระบายน้ำลงสู่บริเวณท้ายเขื่อน ซึ่งตอนที่เริ่มระบายน้ำนั้น เขื่อนสิริกิต์(กั้นเเม่น้ำน่าน) ได้มีปริมาณน้ำตามความจุมากกว่าเขื่อนภูมิพล( แม่น้ำปิง)ถึง  16% และจำเป็นต้องระบายน้ำออกเป็นจำนวนมาก


อีกทั้งปริมาณความสามารถในการกักเก็บน้ำของเขื่่อนสิริกิต์ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตรน้อยกว่าเขื่อนภูิมิพล ที่สามารถกักเก็บน้ำได้ 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงทำให้เขื่อนทั้งสองต้องเร่งปล่อยน้ำออกมามากกว่าปรกติกเพื่อป้องกันเขื่อนรองรับน้ำไม่ได้

ที่มาของเเหล่งข้อมูลอ้างอิง กระปุกดอทคอม


ส่วนสาเหตุที่สอง เนื่องจากปีนี้ พายุเข้าเป็นจำนวนมาก เเละเข้ามาเร็วกว่าปรกติ ได้แก่ "ไหหม่า" (ปลาย มิ.ย.-ก.ค.) "นกเตน"(ปลาย ก.ค.-ส.ค.) พายุโซนร้อน "ไหถ่าง" และ "เนสาด" (เดือน ก.ย.) และ "นาลแก" (เดือน ต.ค.)  ซึ่งทำให้จังหวัดทางภาคเหนือซึ่งเป็นต้นแม่น้ำเกือบทุกจังหวัดน้ำท่วม  เเละให้เขื่อนต่างๆ มีปริมาณน้ำที่มาก และระบายน้ำไม่ทัน    ปริมาณน้ำฝนทั้งหมดเขื่อนจึงไม่สามารถกั้นไว้ได้ จึงต้องปล่อยลงมายังพื้นที่หลังเขื่อนทั้งหมด ดังจะเห็นได้ดังข่าวว่า เขื่อนต่างๆเก็บกักน้ำจนถึงขั้นวิกฤติในช่วงกลางๆเดือน สิงหาคม 54  อีกทั้งเเม่น้ำยม เเม่น้ำวัง ไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่เหมือนเเม่น้ำปิง (เขื่อนภูมิพล) เเละเเม่น้ำน่าน(เขื่อนสิริกิติ์) ในการกั้นน้ำทำให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกบริเวณเหนือเขื่อนไหลลงสู่บริเวณลุ่มเเม่น้ำทั้งหมด


ที่มาของเเหล่งข้อมูลอ้างอิง กระปุกดอทคอม


ส่วนสาเหตุที่สาม เนื่องจากเเต่ละจังหวัดได้ทำคั้นกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วม เปรียบเสมือนการสร้างเขื่อนขึ้นย่อยๆ สะสมปริมาณน้ำไว้เป็นจำนวนมากจนคั้นกั้นน้ำเเตก และการป้องกันพื้นที่การเกษตรเพื่อให้การเก็บเกี่ยวเเล้วเสร็จ ทำให้มีการสร้างคั้นกันน้ำเข้าสู่บริเวณพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้ลดพื้นที่เเก้มลิงที่จะรองรับน้ำจากทางเหนือ และทำให้สะสมน้ำไว้เป็นจำนวนมาก


ที่มาของเเหล่งข้อมูลอ้างอิง กระปุกดอทคอม


ส่วนสาเหตุอื่นๆนั้นมีอีกมากมาย จึงควรหาข้อมูลอื่นๆประกอบนะครับ


หวังว่าข้อมูลนี้อาจจะช่วยนำไปประกอบการเเก้ไขอุทกภัยในครั้งต่อๆไปได้นะครับ 

ข้อมูลเพิ่มเติม เเม่น้ำเจ้าพระยาประกอบด้วยเเม่น้ำสายหลัก 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน  ร้อยละ 45 ของเเม่น้ำเจ้าพระยานั้น มาจากแม่น้ำน่าน 
ที่มาของข้อมูลอ้างอิง สถาบันและส่งเสริม และพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำ

Wednesday 7 September 2011

ประกาศ ผลการสอบ ก.พ. ภาค ก ประจำปี 2554

 

Monday 22 August 2011

ขอแนะนำ เว็ปของ สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ในฐานะที่ทำงานอยู่กรมควบคุมโรค อยากให้ทุกคนสนใจ เเละมีความรู้เรื่องโรคภัยครับ เพราะเรื่องโรคภัยเป็นเรื่องใกล้ตัว ดังนั้นควรป้องกัน ดีกว่าการรักษานะครับ จึงเอาเว็ปมาฝาก ^^

 http://thaigcd.ddc.moph.go.th/

Tuesday 5 July 2011

นโยบายประชานิยม ข้อดี เเละข้อเสีย

ผลการเลือกตั้ง วันที่ 3 กรกฏาคม 2554 ที่ผ่านมา ทุกคนคงทราบกันดี ดังนั้น ผมจึงไม่ขอที่จะเขียนผลการเลือกตั้ง หรือ บรรยายเพิ่มเติม  เเต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ เเต่ละพรรค งัดนโยบายประชานิยมมาชูเป็นนโยบาย หลักอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่ พรรคเล็ก


ประชานิยม  ( Populism)  เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวทางทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ทั้งในสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย โดยที่อุดมการณ์ทางการเมืองแบบประชานิยมจะอิงอยู่กับฐาน ชาวนาหรือคนยากจน ได้เป็นที่แพร่หลายและการเป็นแนวทางทางการเมืองที่ใช้ในกลุ่มประเทศโลกที่สาม และในช่วงศตวรรษที่ 20 ความคิดนี้ได้ปรากฏในประเทศจีน และประเทศในแถบลาตินอเมริกา ซึ่งผลลัพธ์ที่ปรากฏในกับประเทศเหล่านี้หลังจากมีการนำนโยบายประชานิยมไปประยุกต์ใช้ก็คือ ความล้มเหลวทั้งในการพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจ จาก นโยบาย เเละเงินทุน

นโยบายประชานิยม คือ นโยบายที่สนับสนุนประชาชนคนยากจนเป็นหลัก เพื่อมุ่งหวังความนิยมทางการเมืองโดยไม่จำเป็นต้องมีความสมเหตุสมผลหรือเป้าหมายทางเศรษฐศาสตร์มหภาคมารองรับและไม่จำเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดของประเทศในขณะนั้น  นโยบายประชานนิยมเป็นทั้งภาพหลอนทางการคลังของรัฐบาล
นโยบายประชานิยมจะมีหลากหลายรูปแบบที่ปรากฏแต่จะมีลักษณะร่วมกันตรงที่การเป็นนโยบายที่มุ่งเอาอกเอาใจและสนองความต้องการของประชาชนตลอดจนการไม่แสดงถึงจำนวนเงินที่ใช้ในการดำเนินนโยบายซึ่งเป็นที่มาของภาพหลอนทางการคลังและการปิดบังข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน



ข้อดีของนโยบายประชานิยม คือ ได้คะเเนนเสียงไว เป็นที่ชื่้่นชอบของประชาชน จดจำนโยบายง่าย นโยบายสามารถผังเข้าไปในจิตใจประชาชนได้ง่าย

ข้อเสียของนโยบายประชานิยม คือ ความเป็นไปได้ในการดำเนินนโยบายไปปฎิบัติเป็นไปได้ยาก ใช้งบประมาณที่สูง ต้องเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยความเข้มเเข็ง เเละเป็นปึกเเเผ่นจึงจะสามารถผลักดันนโยบายนำไปสู่การปฎิบัติได้

สรุป นโยบายประชานิยม ก็เหมือนดาบสองคมของพรรค ที่นำมาใช้เป็นนโยบาย กล่าวคือ ถ้าทำได้ดั่งนโยบายประชานิยม ก็จะทำให้ประชาชนชื่นชอบ เหมือนเด็กๆได้ขนม เเต่ถ้าหากทำไม่ได้ ก็เหมือนดั่งที่คนดื่มยาพิษ ที่จะบันทอนชีวิตตนไปที่ละนิดที่ละหน่อย จะทำให้คนที่เลือกเข้าไปผิดหวัง เเละเกลียดชังในที่สุด

Surplus : เพิ่มไอคอน Notifications ของ Google+ ไว้ใน Google Chrome !!!

Surplus : เพิ่มไอคอน Notifications ของ Google+ ไว้ใน Google Chrome !!!

Friday 17 June 2011

เลวิเทติ้ง Levitating เทรนด์ฮิตใหม่ จ่อกลบกระแสแพลงกิ้ง

เลวิเทติ้ง Levitating เทรนด์ฮิตใหม่ จ่อกลบกระแสแพลงกิ้ง


"เลวิเทติ้ง" หรือ"Levitating" คือ การถ่ายภาพในขณะที่ร่างกายเรากำลังลอยค้างอยู่บนอากาศ เหมือนเรามีวิชาตัวเบาลอยตัวได้ โดยผู้นำเทรนด์ดังกล่าวก็คือสาวน้อยหน้าใสชาวญี่ปุ่นนามว่า นัทสึมิ ฮายาชิ (Natsumi Hayashi) ที่โพสต์ภาพที่เธอทำท่า เลวิเทติ้ง ทุก ๆ วันลงบนเว็บไซต์ yowayowacamera.com และ ทวิตเตอร์ ส่วนตัวของเธอนั่นเอง

Tuesday 24 May 2011

แจกโปรเเกรม Excel ใช้สำหรับทำบัญชีครัวเรือน รายรับ รายจ่าย ปี 2554

โปรเเกรม Excel ใช้สำหรับทำบัญชีครัวเรื่อน รายรับ สำหรับปี 2554 ใช้ดีจึงเอามาเผื่อเเพร่ครับ


Download

สำหรับปี 2555 ตามลิงค์นี้เลยครับ >>>  Link

ขอบคุณที่มา จาก www.gooab.net

Thursday 19 May 2011

เด็กอายุ 7 ปี ต้องไปทำบัตรประชาชน กฎหมายบังคับใช้ 9 ก.ค. 2554

เด็กอายุ 7 ปี ต้องไปทำบัตรประชาชน กฎหมายบังคับใช้ 9 ก.ค. 2554



วันที่ 11 พ.ค. 2554  ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 โดยกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราช กิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (วันที่ 9 กรกฎาคม 2554 )
 



สาระ สำคัญของกฎหมายคือ  การกำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุตั้งแต่เจ็ดปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้านต้องมีบัตรตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
 

 ทั้งนี้  บัตรให้ใช้ได้นับแต่วันออกบัตรและมีอายุแปดปีนับแต่วันเกิดของผู้ถือบัตรที่ ถึงกำหนดภายหลังจากวันออกบัตร
 

 บัตรที่ยังไม่หมดอายุในวันที่ผู้ถือบัตรมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ให้ใช้บัตรนั้นต่อไปได้ตลอดชีวิต
 

สำหรับอัตราค่าธรรมเนียม

(1) การออกบัตร  ฉบับละ  100   บาท
(2) การออกใบแทนใบรับ ฉบับละ  10  บาท
(3) การขอคัดและรับรองสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับบัตร ฉบับละ 10  บาท
   
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทย ทุกคนต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนไว้ใช้แสดงตนเพื่อประโยชน์ในการเข้ารับ บริการสาธารณะของรัฐ จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการการออกบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับการที่รัฐจะนำ เทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ ผ่านทางบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อประโยชน์ของผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชน
   

ก่อนหน้านี้มีเสียงจากสภาแว่วมาดังๆ ว่า ได้มีการพิจารณารับร่าง พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชนตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื้อความสำคัญของร่าง พ.ร.บ. นี้ คือจะแก้กฎหมายให้เด็กที่เกิดมามีอายุครบ 1 ปี นับแต่วันเกิด หรือ 60 วัน นับแต่วันได้สัญชาติไทย สำหรับผู้ไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดหรือได้กลับคืนสัญชาติไทยตามกฎหมายว่า ด้วยสัญชาติ ต้องมีบัตรประชาชน นอกจากนั้นยังระบุด้วยว่า ให้ใช้บัตรนั้นได้นับแต่วันออกบัตรและมีอายุ 10 ปีนับแต่วันเกิดของผู้ถือบัตร รวมทั้งตัดเงื่อนไขการมีชื่อในทะเบียนบ้านออก
      
  
ท้ายที่สุดที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 222 ต่อ 81 เสียง งดออกเสียง 5 และไม่ลงคะแนน 13 เสียง
      
  
นั่นแสดงว่าหากแก้กฎหมายใหม่นี้สำเร็จ เด็กที่มีอายุไม่ถึง 15 ปี ต้องเดินหน้าเข้าคิวไปทำบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งมีค่าธรรมเนียมทำบัตรอยู่ ที่ 60 บาท และหากเด็กคนใดไม่ไปทำบัตรผู้ปกครองก็จะถูกปรับเงิน 500 บาท นั่นคือกฎเกณฑ์บังคับเบื้องต้น
      
  
บัตรเด็กนี้อาจจะแตกต่างออกไป เพราะนอกจากจะมีรายการตามที่กำหนดไว้แล้ว อาจจะมีหน่วยความจำ เพื่อบันทึกข้อมูลอื่นของผู้ถือบัตรด้วย แต่ข้อมูลที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำดังกล่าว ต้องไม่สามารถเปิดเผยต่อบุคคลหรือหน่วยงาน ซึ่งไม่ใช่เป็นผู้จัดทำ หรือรวบรวมข้อมูลนั้น ๆ ไว้ เว้นแต่เป็นข้อมูลทั่วไปที่ปรากฏอยู่บนบัตร หรือเป็นการเปิดเผยต่อหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องทราบข้อมูลนั้นเท่าที่จำ เป็น เพื่อเป็นประโยชน์ของผู้ถือบัตร และระบุระยะเวลาการบังคับใช้ในวาระเริ่มแรก แต่ไม่เกิน 2 ปี นับแต่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ บังคับใช้
      
  


แหล่งที่มา : มติชนออนไลน์ อัพเดท : 12-05-2554 09:28 น.

Wednesday 11 May 2011

สมัครสอบ กพ. 54

เห็นเพื่อนหลายๆคน สมัครสอบ กพ. เลือกเอาลิงค์สมัครมาฝากครับ


 สำนักงานข้าราชการพลเรือน


Friday 29 April 2011

วิธีแก้โฟลเดอร์ที่โดน ล็อค hidden ไว้ไม่ให้เเก้

 วันนี้คอมเพื่อนติดไวรัส มาให้ช่วยเเก้ เเต่ external เราดันโดนไปด้วย เป็นไวรัสที่สร้าง shortcut เเล้วเรียกรัน ไวรัส ไม่เหมือนไวรัสที่สร้าง folder นามสกุล .exe อันนั้นเเก้ง่าย กว่า จะเเก้ได้ก็ต้องหาใน google นานพอสมควร เมื่อฆ่าไวรัสได้ ยังไปติด ล็อค hidden ไว้อีกชั้น ไม่ใช้ hidden ธรรมดา  ดันเปลี่ยน folder เราเป็น operating system ซะด้วย แก้ยากไม่ช่ายเล่นเลย อันนี้เป็นวิธีเเก้ไขสำหรับ โดนล๊อค ไม่ให้ปลอด hidden ครับ เอามาฝากไว้ ได้มาจากการค้นหาใน google อีกที

 วิธีแก้โฟลเดอร์ที่โดน ล็อค hidden ไว้ไม่ให้เเก้


บาง ทีเคยเจอมั้ย ไวรัสที่มากับพวก Flashdrive พอติดไวรัสแล้ว มันจะทำการซ่อนโฟลเดอร์ใน Root จนหมด พอเราจัดการไวรัสไปแล้ว ไฟล์ก็ยังซ่อนอยู่ แก้จากหน้าต่าง properties ก็ไม่ได้ ของอย่างนี้มันมีวิธี แต่ต้องใช้พลังภายในหน่อยนึง

1. สร้าง Text ไฟล์ชื่อ att.bat
2. พิมพ์ attrib -s -h -r /S /D ตามด้วยชื่อโฟลเดอร์ที่โดนซ้อนไว้ครับ
-s คือยกเลิกการเป็น system file ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณยกเลิก hidden ไม่ได้
-r คือการยกเลิก Readonly
-h คือการยกเลิก Hidden
3. Save
4. ดับเบิ้ลคลิก


หรืออาจจะโหลดตัว โปรแกรม Combofix มาฆ่าก็ได้ครับ ตามลิงค์นี้เลยครับ Download อย่าลืม ต้องเป็นตัวอัพเดทล่าสุดนะครับ เเล้วก่อนรัน แสกน ให้ปิดเเอนตี้ไวรัสก่อนนะครับ



ใครมีข้อส่งสัยเพิ่มเติม สงเมล์ถามได้นะครับ piyapongpom@hotmail.com ไม่ต้องเกรงใจครับ
หรือทาง FB  https://www.facebook.com/piyapongpom

Thursday 28 April 2011

ประกาศให้ วันที่ 16 พฤษภาคม 2554 เป็นวันหยุด

    นายอำพล กิตติอำพล เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ว่า ครม. มีมติ ให้วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2554 เป็นวันหยุดเพิ่มอีก 1 วัน ซึ่งจะทำให้เป็นวันหยุดยาว 5 วันต่อเนื่อง คือ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม - วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2554 ตามที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ เนื่องจากเห็นว่า จะสามารถเป็นการกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวภายในประเทศได้

    สาเหตุ ที่ ครม. เลือกวันที่ 16 พฤษภาคม 2554 เนื่องจาก ระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม 2554 ซึ่งเป็นวันศุกร์ ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ คือ วันพืชมงคล และวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 ซึ่งเป็นวันอังคาร ตรงกับวันวิสาขบูชา
    ดังนั้น จึงประกาศให้วันที่ 16 พฤษภาคม 2554 เป็นวันหยุด เพื่อให้ประชาชนมีวันหยุดยาว 5 วันติดต่อกัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม - วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2554


ที่มา : มติครม.วันที่ 30 พ.ย.53
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี

Monday 25 April 2011

12 แหล่งท่องเที่ยว สุดประทับใจที่ต้องไปสักครั้ง น่านติดอันดับด้วยๆๆ

12 แหล่งท่องเที่ยว สุดประทับใจที่ต้องไปสักครั้ง

12 แหล่งท่องเที่ยว สุดประทับใจที่ต้องไปสักครั้ง

ตรัง

12 แหล่งท่องเที่ยว สุดประทับใจที่ต้องไปสักครั้ง (Lisa)

          ในรอบปีที่ผ่านมา Lisa พาคุณไปเที่ยวมาแล้วทั่วทุกภาคของเมืองไทย ได้สัมผัสความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติในท่วงทำนองของเวลาที่แตกต่าง ทว่าความประทับใจที่ได้พบนั้นหากจะบอกเล่าเท่าไหร่ก็คงไม่หมด ฉบับนี้จึงขอชวนคุณผู้อ่าน ร่วมเดินทางสู่ภาพแห่งความทรงจำที่สวยงามเหล่านั้นอีกครั้ง


ตรัง

ตรัง

ตรัง

ตรัง

1. ต้องมนต์เสน่ห์ทะเลใต้ จ.ตรัง

          หากยังไม่รู้จะไปเที่ยวทะเลที่ไหน ตามเรามุ่งลงใต้ไปเที่ยวตรังดีกว่า เพราะมีเกาะน้อยใหญ่ให้พักหย่อนใจไม่รู้เบื่อ จะไปเล่นน้ำหรือนั่งเรือรอบเกาะ รอพบพะยูนที่ เกาะลิบง ลอดถ้ำชมความงามของ ถ้ำมรกต ที่ เกาะมุก ดำน้ำดูโลกใต้ทะเลที่ เกาะแหวน ดำดิ่งดูปะการังที่ เกาะไหง หรือจะพาหวานใจไปสวีตที่ เกาะกระดาน ก็ได้ รับรองว่าเกาะงามแห่งทะเลใต้เมืองตรังมีอะไร ๆ ให้ประทับใจไม่ลืมจริง ๆ

          ตรัง เมืองหมูย่างรสเลิศ เสน่ห์หาดทรายงาม







2. เดินดงมอหินขาว จ.ชัยภูมิ

          "สโตนเฮนจ์เมืองไทย" ใคร ๆ เรียกกันเช่นนั้น เพราะเหล่าหินผายืนตัวสูงเด่นมองเห็นแต่ไกล น่าอัศจรรย์ใจไม่ต่างกับสโตนเฮจน์ แห่งที่ราบซัลลิสเบอร์รี่ที่อังกฤษ กลุ่มหินเหล่านี้อายุ 195-175 ล้านปี เกิดการเปลี่ยนรูปทรงไป เมื่อเปลือกโลกเคลื่อนตัวกลายเป็นเสาหินประหลาด เช่น เสาหิน 5 ต้น เสาหินโขลงข้าง สวนหินล้านปี หน้าฝนที่นี่จะเต็มไปด้วย ดอกไม้ป่า ขณะที่ยามค่ำมีดาวให้นอนนับแสนล้านดวง เมื่อผนวกกับเรื่องเล่าว่า ทุกคืนวันพระจะมีแสงสีขาวส่องสว่างจากมอหิน ก็ยิ่งสร้างความพิศวงแก่เราผู้มาเยือน

          คืนมหัศจรรย์นอนนับดาวที่ มอหินขาว 


สามพันโบก

สามพันโบก
สามพันโบก

สามพันโบก
สามพันโบก

สามพันโบก

สามพันโบก

สามพันโบก 

3. ฝ่าแดดสู่ สามพันโบก จ.อุบลราชธานี

          เกาะแก่งกลางลำน้ำโขงที่ผุดขึ้นยามฤดูร้อน แล้งน้ำกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างน่าทึ่ง แม้เปลวแดดจะร้อน แต่ผู้ชื่นชมธรรมชาติอย่างเรายังมุ่งมั่นเดินฝ่าแดด เพื่อชมโบกหรือแอ่งน้ำขิงที่สะท้อนเงาปุยเมฆขาว แก่งหินรูปทรงสวยประหลาดตามแต่จินตนาการ ชมสายน้ำโขงไหลเอื่อยใต้ผืนฟ้ากว้าง พอแดดร่มก็คลายร้อนด้วยการแกว่งเท้าเล่นในน้ำ เพื่อนบางคนกระโดดเล่นน้ำในสระมรกตใสแจ๋วกลางแก่งหิน แล้วนั่งชมอาทิตย์ลับฟ้า ณ สามพันโบก...โรแมนติกสุด ๆ

          มหัศจรรย์ สามพันโบก แกรนด์แคนยอนเมืองไทย 


ทุ่งบัวตอง


4. ดูบัวตองที่ ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน

          สีเหลืองสดของดอกบัวตองช่างล่อตาล่อใจนัก เทศกาลชมดอกบัวตองในฤดูหนาวที่ผ่านมา เราจึงยอมนั่งรถไกลไปหลายร้อยโค้งเพื่อขึ้น ดอยแม่อูคอ ไปชมเจ้าหล่อนซะหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะปีนี้ กลีบดอกบานเบ่งสะใจผู้ชมอย่างเรา และหากเดินทางไปอีกหน่อยก็จะมี น้ำตกแม่อูคอ และ น้ำตกแม่สุรินทร์ ที่น่าไปเที่ยว หรือจะแวะไปถ้ำชมความงามน่ามหัศจรรย์ของผลึกแร่แคลไซต์ที่ วนอุทยานแก้วโกมล ต่อด้วยเดินชม ช่องแคบเขาขาด ที่สูงร่วม 32 เมตร ที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงเหมือนที่เราไปมาก็ได้

          ดอยแม่อูคอ ขุนเขาแห่งทะเลดอกไม้สีทอง จ.แม่ฮ่องสอน 


ชมพูภูคา ดอยภูคา

ดอยภูคา น่าน

5. นางพญาเสือโคร่งบน ดอยภูคา จ.น่าน

          หากสีชมพูแทนความหวานแห่งรักเมืองน่าน ก็คงตกอยู่ในห้วงรักทุกครั้งที่ ดอกนางพญาเสือโคร่ง บาน ในช่วงต้นปีเมืองน่านคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว ที่อยากมาชมดอกไม้งามชนิดนี้ โดยเฉพาะที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งเส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว แต่เราก็ไม่หวั่นค่ะ เราไปกางเต็นท์พักแรมนอนดูดาว ตื่นเช้าเดินชมสายหมอกดอกไม้ แล้วต่อด้วยการแอ่วเมือง สัมผัสชีวิตอิ่มสุขแบบชาวน่านที่หลายคนอิจฉา

          แอ่ว ดอยภูคา ชมดอกชมพูภูคาบานสะพรั่ง


เที่ยวกรุงเทพ


6. พิงใจอิงเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร

          สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ผูกพันกับคนไทยมานาน จนบางครั้งอาจถูกมองข้ามความสวยงามตรงหน้า โดยเฉพาะคนเมืองที่คุ้นเคยกับวิวสวยของตึกสูง จริง ๆ ไม่ว่าจะเวลาไหนเจ้าพระยาก็สะท้อนความงามให้เราเห็นได้เสมอ หาเวลาว่างสักวันไปล่องเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยากันเถอะ เริ่มจากไหว้พระที่วัดเก่าแก่ ชมสถาปัตยกรรมริมน้ำแวะกินของอร่อย ๆ ที่ทำเรือต่าง ๆ พอแดดเริ่มอ่อนแรงก็หามุมนั่งชมวิวเจ้าพระยายามเย็น...เป็นความสุขง่าย ๆ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง

          ล่องเจ้าพระยาไหว้พระ 9 วัด เสริมสิริมงคล
          นั่งเรือด่วนล่องเจ้าพระยา เลียบเกาะรัตนโกสินทร์





7. พิศวงม่อนเสาหิน จ.แพร่

          ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันเกิดจากการประทุของภูเขาไฟ เปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของเมืองแพร่ มีลักษณะเหมือนนำแท่งหินมากองรวมกันจนกลายเป็นภูเขาสูงชาวบ้านเรียก “ม่อนหินกอง” ก่อนเปลี่ยนเป็น ม่อนเสาหิน เราสามารถเดินชมม่อนตามจุดต่าง ๆ เช่น ม่อนเจ้าอาจญาม่อนเจ้าดำ ม่อนปู่หมื่นลอง แต่จุดถ่ายภาพสวยสุดคือ ม่อนเสาหินพิศวง ที่แท่งหินเรียงตัวคล้ายหน้าผา เหมือนแท่งหินไจแอนต์ คอสเวย์ ในไอร์แลนด์เหนือและที่เมืองซีนอปในตุรกี

          มาแอ่วแพร่กันเต๊อะ

จันทบุรี

จันทบุรี

8. เที่ยวทะเลาจันท์วันฟ้าแจ่ม จ.จันทบุรี

          อยากเที่ยวทะเล...แต่ไม่อยากไปไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แค่พุ่งตรงไปเมืองจันท์ก็จะได้ชื่นชมทะเลตะวันออกที่สวยงาม ไม่แพ้ทะเลใต้แม้แต่น้อย และถ้าไม่อยากออกทะเล แวะไป อ่าวคุ้งกระเบน ก็มีกิจกรรมทำเพลิน ๆ เช่น เดินศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ดูพันธุ์สัตว์น้ำที่ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำของกรดประมง ไปเที่ยวชมวิวที่ หาดคุ้งวิมาน นั่งกินส้มตำชายหาด และเดินเล่นในเมืองเก่าจันทบูร เท่านี้ก็มีความสุขมากมายในวันพักผ่อนชายทะเลใกล้กรุงเทพฯ

          เมืองแห่งความสุข ที่สามารถสัมผัสได้ตลอดทั้งปี...จันทบุรี


ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกสร้อยสวรรค์

ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกสร้อยสวรรค์


9. ผลิบานบนลานผาแต้ม จ.อุบลราชธานี

          หน้าหนาวใคร ๆ ก็ไป อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เพื่อชมความงามของทุ่งดอกไม้ป่า ประมาณว่ามีดอกไม้มากกว่า 30 สายพันธุ์แข่งกันบานบนลานหินกว้างกว่า 30 ไร่ เช่น ดอกดุสิตา สร้อยสุวรรณา มณีเทวา ทิพเกสร ฯลฯ หลอกล่อเหล่าแมลง รวมถึงนักถ่ายภาพให้ใช้เวลาเก็บภาพสวย ๆ กันอยู่นาน ไม่ไกลกัน ยังมองเห็นน้ำตกสร้อยสวรรค์ และทิวทัศน์ฝั่งลาวได้อีกด้วย

          ผาแต้ม งดงามทางธรรมชาติและอารยธรรม


อุทัยธานี

อุทัยธานี


10. สะแกกรังยังสงบงาม จ.อุทัยธานี

          จนถึงวันนี้แม่นำสะแกกรังยังคงมอบความสุขแก่ทุกชีวิต แม้แต่เราที่มีโอกาสนั่งเรือกินมื้อกลางวัน ชมชีวิตเรือนแพที่ยังมีให้เห็นอยู่ประปราย ตื่นเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นริมฝั่ง ตักบาตรกับพระในเรือพาย แล้วไปเดนิตลาดเข้า ก่อนไปไหว้พระขอพร เดินชมภาพจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ภายในวัดอุโปสถารามที่ทอดเงาอย่างสงบนิ่งในสายน้ำ...เป็นความสุขใจที่ผู้ อ่านไปสัมผัสได้เช่นกัน

           วันแห่งความสุข ณ ลุ่มน้ำสะแกกรัง


เกาะไข่นอก

เกาะไข่นอก


11. เพลินใจ เกาะไข่ จ.ภูเก็ต

          หากคุณรักทะเลและการดำน้ำ ต้องไม่พลาด เกาะไข่ แห่งทะเลอันดามันไม่ว่าจะเป็น เกาะไข่ใน ไข่นอก และไข่นุ้ย ล้วนเดินทางสะดวกด้วย สปีดโบ๊ต นอกจากรูปทรงของเกาะที่มีหาดขาวสะอาดตัดกับน้ำทะเลครามสีเข้ม และมีโขดหินตั้งสูงให้ปืนป่ายขึ้นไปนั่งชมทะเล จุดเด่นของเกาะนี้อยู่ที่เป็นแหล่งดำน้ำตื้นอันขึ้นชื่อ จะดำน้ำดูปลาเสือ ปลานกแก้ว ปลาการ์ตูน ไปจนถึงปะการังเขาอ่อนและหินซ้อนก็เพลินได้ทั้งวันเลยล่ะ

          ล่องทะเล เที่ยวเกาะสวรรค์ เกาะไข่นอก


ลำพูน


12. สุขใจไปกับสายน้ำปิง จ.ลำพูน

          เราเดินทางไปไหว้พระธาตุหริภุญไชย จึงมีโอกาสไปล่องเรือชมทัศนียภาพลำน้ำปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง โดยลงเรือที่แก่งก้อชมทิวทัศน์สองฝั่งน้ำ ที่มีทั้งโตรกผาสูงสลับกับหินงอกหินย้อยระสายน้ำ แล้วล่องไปแก่งสร้อยดูซากกำแพงและเจดีย์โบราณของ วัดพระธาตุแก่งสร้อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเมืองสร้อยอายุ 800 ปีที่จมลงใต้ผืนน้ำ จากนั้นนั่งชมพระอาทิตย์ตกบน ดอยกระตึก ก่อนกลับมาอร่อยกับมื้อค่ำที่เรือนพักริมน้ำปิงอย่างสุขใจ

           เยือน ลำพูน ชิมลำไย เมืองเก่านครหริภุญไย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.12 No.12 30 มีนาคม 2554
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท., คุณ Eddy, คุณ MilkyWay, chomthai.com, Lisa, คู่หูเดินทาง และ คุณรักถั่ว,