วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก
สุนทรภู่กวีเอกของไทยได้ร่ายว่า “จะหักอื่นขืนหักก็จักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ”
กุมภาพันธ์ถือเป็นเดือนแห่งความรัก เพราะฤดูหนาวกำลังจะล่วงผ่านไป ดอกไม้ผลิดอกบานสะพรั่ง สรรพสิ่งฟื้นชื่นขึ้นและมีชีวิตชีวา เหล่านกโผบินออกจากรังไปจับคู่พลอดรัก
วาเลนไทน์
เดิมทีวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ชาวโรมันในสมัยโบราณจะมีการเฉลิมฉลองเทพเจ้าแห่งความรัก หนุ่มสาวจะแต่งตัวกันสุดหล่อสุดสวย ออกไปเดินกรีดกรายกันตามท้องถนนและสวนสาธารณะ แล้วจับคู่เต้นรำและลงท้ายด้วยการเลือกคู่ครอง
ต่อมาพวกคริสเตียนได้ประยุกต์วันดังกล่าวเพื่อระลึกถึงผู้นำคริสตจักรคนหนึ่งชื่อ “เซนต์วาเลนตินัส”(เป็นคนละคนกับวาเนติโน่ นักรักบันลือโลก) วาเลนตินัสเป็นคนที่รักพระเยซูคริสต์ และสำแดงชีวิตคริสเตียนอย่างชัดเจน ด้วยการให้และช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เนืองนิจ โดยนำเอาอาหารไปวางไว้ตามหน้าบ้านของผู้คนที่ยากจน
เรื่องนี้ทำให้ผู้ปกครองบ้านเมืองเกิดความไม่พอใจ จึงสั่งจับขังคุก “ขังกายได้แต่ขังใจไม่ได้” แต่ขณะที่วาเลนตินัสอยู่คุก ก็ได้สำแดงความรักของพระคริสต์ โดยการอธิษฐานรักษาตาของลูกสาวผู้คุมให้หายบอด แทนที่จะเป็นคุณกลับเป็นโทษ วาเลนตินัสถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คศ. 270 ต่อมาคริสเตียนได้จัดวันระลึก(14 กุมภาพันธ์)ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ เรียกว่า “วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก” (Saint Valentine’s Day)
กุหลาบแดง (Red Rose) : จะใช้ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอ"
กุหลาบขาว (White Rose) : กุหลาบขาวแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์
กุหลาบชมพู (Pink Rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน
กุหลาบเหลือง (Yellow Rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส แทนความรักแบบเพื่อน
No comments:
Post a Comment
เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นต่างๆได้นะครับ